"คอลลิเออร์ส ประเทศไทย" เผยปี พ.ศ.2563 คอนโดฯ ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดทำสถิติสูงสุด 122 โครงการ จำนวน 57,220 ยูนิต เพิ่มขึ้น 51% เป็นผลความร้อนแรง ผู้ประกอบการแห่เปิดโครงการคอนโดฯ ในช่วงปี 2560-61 คาดปีนี้ตัวเลขก่อสร้างแล้วเสร็จลดลงมาอยู่ระดับ 45,000 หน่วย จับตาภาวะตลาดไม่เอื้อ กลยุทธ์นำห้องชุดหลุดดาวน์มาทำอีกระลอก เน้นขายต่ำกว่าช่วงพรีเซลส์ เฝ้าระวัง 3 เส้นรถไฟฟ้า "สายสีส้ม-สีเหลือง-สีชมพู" ลงทุนเปิดโครงการคอนโดฯ อย่างคึกคัก
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพมหานครว่า ในช่วงปี พ.ศ.2532-2563 ที่ผ่านมา มีคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพฯ มากถึง 678,262 ยูนิต สำหรับในปี พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา พบว่า มีคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพฯ มากถึง 122 โครงการ 57,220 ยูนิต ซึ่งถือว่าเป็นปีที่มีคอนโดมิเนียมก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดมากที่สุดในรอบ 30 ปีที่ผ่านมาในพื้นที่กรุงเทพฯ รองมาจากในปี พ.ศ.2561 ที่มีคอนโดฯ ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดอยู่ที่ 55,325 ยูนิต ถือว่าปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 51% จากอุปทานที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในปี พ.ศ.2562 ทั้งหมด 37,885 หน่วย
สำหรับในปี พ.ศ.2564 แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย คาดการณ์ว่า จะมีคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพฯ อีกกว่า 45,000 ยูนิต โดยแผนกวิจัยและการสื่อสารฯ มองว่า การเติบโตของอุปทานคอนโดมิเนียมที่สร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดที่สูงเป็นอย่างมากในปี พ.ศ.2563 ที่ผ่านมานั้น เกิดจากอุปทานเปิดขายใหม่ของโครงการคอนโดมิเนียมจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ คึกคักเป็นอย่างมาก
กล่าวคือ ในปี พ.ศ.2560 มีคอนโดฯ ที่เปิดขายใหม่จำนวน 58,424 ยูนิต และ 66,021 ยูนิตในปี พ.ศ.2561 ซึ่งแค่เพียงในช่วง 2 ปีดังกล่าวพบว่า มีอุปทานคอนโดฯ เปิดขายใหม่มากถึง 124,445 ยูนิตส่งผลให้ในปี พ.ศ.2563 ที่ผ่านมามีคอนโดฯ จำนวนมากที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดจากโครงการคอนโดฯ เหล่านั้นที่เคยเปิดขายในช่วงก่อนหน้า
สำหรับอุปทานคอนโดฯ ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จจำนวนมากเหล่านี้ถือว่าเป็นอีก 1 ปัจจัยสำคัญที่สร้างความกังวลให้แก่ผู้พัฒนาว่า หากเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จและเรียกลูกค้าเข้ามาโอนกรรมสิทธิ์ จะมียูนิตหลุดโอนมากน้อยเพียงใด และหากยูนิตเหล่านั้นมีการทิ้งโอนเป็นจำนวนมากในภาวะที่ตลาดชะลอตัวเช่นนี้ จะเป็นอีกปัญหาที่สำคัญที่ผู้พัฒนาจะต้องนำยูนิตเหล่านี้กลับมาขายใหม่ในตลาดอีกครั้ง หรืออย่างที่เราเห็นผู้ประกอบการหลายรายเลือกที่จะนำยูนิตเหล่านี้กลับมาขายใหม่ ด้วยการปรับลดราคาขายลงต่ำกว่าในช่วง Pre-sale ก่อนหน้าด้วยซ้ำ เพื่อกระตุ้นความสนใจของกลุ่มลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น และกระตุ้นยอดโอนกรรมสิทธิ์เพื่อการรับรู้รายได้ และดึงเงินเข้าบริษัทให้มากที่สุด ซึ่งส่งผลให้เราจะยังคงเห็นสงครามราคาในตลาดคอนโดฯอย่างต่อเนื่องในปี พ.ศ.2564
จากอุปทานสะสมคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพฯ อยู่ที่ 678,262 ยูนิต พบว่า ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นนอกมากที่สุดประมาณ 391,793 ยูนิต หรือคิดเป็น 58% และในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในประมาณ 286,469 ยูนิต หรือคิดเป็น 42%
สำหรับในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในพบว่า อุปทานสะสมคอนโดฯ ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุด ตั้งอยู่ในพื้นที่รอบเมืองด้านทิศเหนือ (รัชดาฯ-พหลโยธิน) มากที่สุด 96,105 ยูนิต หรือคิดเป็น 14% รองลงมาคือ ในพื้นที่เมืองชั้นใน (สีลม สาทร สุขุมวิทตอนต้น) ประมาณ 60,368 ยูนิต หรือคิดเป็น 9% และในพื้นที่รอบเมืองด้านทิศตะวันออก (สุขุมวิท) อีกประมาณ 37,476 ยูนิต หรือคิดเป็น 6%
ทั้งนี้ ทางแผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย คาดการณ์ว่า ในปี พ.ศ.2564 ผู้พัฒนาส่วนใหญ่จะยังคงเลือกที่จะพัฒนาโครงการคอนโดฯ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นนอกมากขึ้น หรือในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยเฉพาะช่วงรามคำแหง-ลำสาลี รถไฟฟ้าสายสีเหลือง โดยเฉพาะบริเวณถนนลาดพร้าวและศรีนครินทร์ และรถไฟฟ้าสายสีชมพู โดยเฉพาะถนนรามอินทรา และแจ้งวัฒนะ จะเป็นพื้นที่ที่คาดการณ์ว่าจะมีการเปิดตัวโครงการคอนโดฯ คึกคักขึ้นในปีนี้