PRINC พร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐร่วมกระจายวัคซีนโควิด-19 คาดขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ และคาดหวังว่าผลประกอบการของบริษัทฯ จะฟื้นตัวช่วงครึ่งหลังของปี 2564 หลังนำวัคซีนโควิด-19 มาใช้ ไม่หวั่นเดินหน้าลุยขยายธุรกิจเพิ่ม อาศัยฐานะการเงินแกร่ง อวดส่วนของผู้ถือหุ้นสูงถึง 8,297 ล้านบาท D/E อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.73 เท่า
นายสาธิต วิทยากร ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC เปิดเผยว่า ขณะนี้ในหลายๆ ประเทศได้เริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 ขณะที่ประเทศไทยยังอยู่ในกระบวนการเริ่มต้น กรณีรัฐบาลมีนโยบายจะอนุญาตให้ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด-19 โดยให้ยื่นเอกสารขึ้นทะเบียนวัคซีนกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทางบริษัทฯ มีความพร้อมเข้าไปมีส่วนร่วมในการกระจายวัคซีน เพื่อให้การฉีดวัคซีนครอบคลุมจำนวนประชากรในประเทศโดยเร็วที่สุด เนื่องจากคาดหวังว่าจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยภาพรวมให้กลับมาฟื้นตัว
บริษัทฯ ประเมินว่าภายหลังเริ่มนำเข้าวัคซีน คาดว่าผลประกอบการน่าจะเริ่มฟื้นตัวได้ช่วงครึ่งหลังของปี 2564 นี้ และยังมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะรับรู้ผลดีจากการขยายโรงพยาบาลในปีที่ผ่านมา จำนวน 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลวิรัชศิลป์ จังหวัดชุมพร และโรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี และในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2564 นี้อีก 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลพริ้นซ์ ลำพูน และโรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดปี 2563 มีรายได้รวม 2,650.7 ล้านบาท ลดลง 7.7% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 2,871.5 ล้านบาท กระทบจากสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ขณะเดียวกัน พบว่าต้นทุนเพิ่มขึ้นสูงกว่าการเติบโตของรายได้ เป็นผลให้บริษัทฯ ยังคงแสดงผลขาดทุนสุทธิ 537 ล้านบาท โดยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากการขยายโรงพยาบาลแห่งใหม่ ซึ่งในปี 2564 นี้มีแผนขยายโรงพยาบาลเพิ่มอีก 3 แห่ง ใน 3 ภูมิภาค ซึ่งภาพรวมผลประกอบการของบริษัทฯ อยู่ภายใต้แผนและการคาดการณ์ของบริษัทฯ โดยปกติธุรกิจโรงพยาบาลจะใช้ระยะเวลา 5 ปีในการคืนทุน ซึ่งบริษัทได้เริ่มลงทุนธุรกิจโรงพยาบาลมาเป็นระยะเวลา 3 ปีเศษ
อย่างไรก็ตาม ฐานะการเงินของบริษัทฯ ยังมีความแข็งแกร่ง โดยมีส่วนของผู้ถือหุ้นสูงถึงจำนวน 8,297.1 ล้านบาท และอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.73 เท่า อยู่ในระดับบริหารจัดการได้ ทำให้บริษัทฯ ยังคงการลงทุนในช่วง 3 ปีนี้ (2564-2566) จำนวน 5 พันล้านบาท จากการขายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อมามุ่งเน้นการขยายจำนวนโรงพยาบาลให้เป็นไปตามเป้าหมาย ครบ 20 แห่ง คลินิกใกล้บ้านใกล้ใจ 100 แห่ง และศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้สูงอายุ 5 แห่ง