xs
xsm
sm
md
lg

'พฤกษา' แจงปี 63 รายได้ลดกว่าหมื่นล้าน เหตุเลื่อนเปิดโครงการ โควิด-19 ซ้ำ-LTV เข้ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"พฤกษา" แจงผลประกอบการปี 63 ยังคงมีรายได้หลักมาจากธุรกิจอสังหาฯ ระบุผลการเปิดโครงการลดลง เศรษฐกิจประเทศและโลกชะลอตัวลง ซ้ำเจอโควิด-19 มาตรการ LTV กระทบกับยอดขายทั้งปี ลดลงกว่า 13,633 ล้านบาท หรือกว่า 38% รายได้ลดลงระดับ 10,641 ล้านบาท ต้นทุนขายปรับสูงขึ้นจากปริมาณการเปิดโครงการลดน้อยลง กดดันกำไรสุทธิลดฮวบ 48%

น.ส.สุภรณ์ ตรีวิชยพงศ์ รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ชี้แจงผลการดำเนินงานของบริษัทสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ว่า ผลประกอบการยังคงมาจากรายได้ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก โดยมียอดขายของปี 2563 เท่ากับ 21,968 ล้านบาท ลดลง 13,633 ล้านบาท หรือลดลง 38.3% เมื่อเทียบกับปี 2562 โดยยอดขายลดลงจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว และอาคารชุด จำนวน 4,066 ล้านบาท 1,107 ล้านบาท และ 8,460 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องมาจากจำนวนโครงการที่เปิดลดลง จากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และทั้งโลกชะลอตัว ซึ่งเกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19เป็นหลัก และมาตรการ LTV ใหม่ที่มีผลบังคับใช้วันที่ 1 เม.ย.2562


ขณะที่รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เท่ากับ 29,244 ล้านบาท และรายได้อื่น 269 ล้านบาท รวมรายได้เท่ากับ 29,513 ล้านบาท โดยภาพรวมกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ มีรายได้ลดลง 10,641 ล้านบาท หรือลดลง 26.7% เมื่อเทียบกับรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้จากบ้านทาวน์เฮาส์ลดลงจำนวน 5,454 ล้านบาท หรือลดลง 30.5% รายได้จากบ้านเดี่ยวลดลง 1,915 ล้านบาท หรือลดลง 24.6% และรายได้จากอาคารชุดลดลง 3,368 ล้านบาท หรือลดลง 23.8% ซึ่งเป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และทั้งโลกชะลอตัว ซึ่งเกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นหลัก และมาตรการ LTV

โดยต้นทุนขายอสังหาฯ ของบริษัทเท่ากับ 19,876 ล้านบาท หรือคิดเป็น 68% ของรายได้จากการขายอสังหาฯ สุทธิ ในขณะที่ต้นทุนขายอสังหาฯ ของปีก่อนเท่ากับ 25,754 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 64.6% ของรายได้จากการขายอสังหาฯ สุทธิ ทำให้อัตราต้นทุนขายสำหรับปี 2563 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน

มีอัตรากำไรขั้นต้น 32% ปรับลดลงจากปีก่อนที่ 35.4% ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับลดราคาขายเพื่อระบายสินค้าคงเหลือ

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเท่ากับ 5,437 ล้านบาท คิดเป็น 18.4% ของรายได้รวม ลดลง 23% โดยเป็นค่าใช้จ่ายในการขายลดลง เท่ากับ 1,175 ล้านบาท หรือลดลง 35.8% และค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลงเท่ากับ 449 ล้านบาท หรือลดลง 11.9% จากการเปิดโครงการที่ลดลงและการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น

บริหารหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับปี 2563 บริษัทมีต้นทุนทางการเงินประมาณ 515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 191 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน จากหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยเป็นหลัก อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 เท่ากับ 0.58 เท่าและอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย หักเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดต่อทุนเท่ากับ 0.55 เท่าซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ดีจากการบริหารจัดการหนี้สินของบริษัท และบริษัทย่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิปี 2563 เท่ากับ 2,771 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.4% ของรายได้รวม ปรับตัวลดลงเท่ากับ 2,588 ล้านบาท จากกำไรของปีก่อน หรือลดลง 48.3% มาจากรายได้จากการขายที่ลดลง 10,641 ล้านบาท หรือลดลง 26.7%

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ มีโครงการที่เริ่มเปิดขายและยังดำเนินงานอยู่ (Active Project) จำนวน 153 โครงการ มูลค่ารวมโครงการ (Total project value) 172,119 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ ดังนี้ ทาวน์เฮาส์ จำนวน 87 โครงการ มูลค่ารวม 75,510 ล้านบาท บ้านเดี่ยว จำนวน 41 โครงการ มูลค่ารวม 47,287 ล้านบาท โครงการอาคารชุดของกลุ่มธุรกิจ Value จำนวน 17 โครงการ มูลค่ารวม 28,723 ล้านบาท และโครงการอาคารชุดของกลุ่มธุรกิจ Premium จำนวน 8 โครงการ มูลค่ารวม 20,599 ล้านบาท

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 บริษัทมีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 78,273 ล้านบาท โดยลดลงจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ระหว่างการพัฒนาเป็นหลัก และบริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย ประกอบด้วย เงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน จำนวน 1,500 ล้านบาท เงินกู้ยืมระยะยาว จำนวน 1,507 ล้านบาท และหุ้นกู้ จำนวน 22,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนและบริหารสภาพคล่องของบริษัท
กำลังโหลดความคิดเห็น