ดัชนีราคาหุ้นเมื่อวันพุธที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา ปักหัวลงจนหลุดระดับ 1,500 จุดอีกครั้ง เพราะเกิดการเทขายหุ้น เพื่อหนีผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชิ้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่
นับจากต้นปีดัชนีหุ้นพุ่งทะยานจน สร้างจุดสูงสุดที่ระดับ 2,561 จุด ก่อนจะอ่อนตัวลง และเมื่อวันพุธปิดที่ 1,498.13 จุด ลดลง 14.70 จุด โดยนักลงทุนต่างประเทศเทขายอย่างหนัก มียอดขายสุทธิ 4,864.59 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศเทขายตามอีก 1,988.87 ล้านบาท และเป็นการขายติดต่อกันหลายวันของทั้ง 2 กลุ่ม
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นแกว่งตัวอย่างไร้ทิศทาง เนื่องจากขาดข่าวดีชี้นำ และสถานการณ์แพร่ระบาดระลอกใหม่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคุมไม่อยู่ โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่แต่ละวันเพิ่มขึ้นเฉียด 1 พันคน กลายเป็นปัจจัยลบที่สร้างความกังวลให้นักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่ทยอยขายหุ้นออกอีกระลอก
ถ้ายังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของ “โควิด-19” ได้ เศรษฐกิจที่เริ่มจะฟื้นจะกลับไปฟุบหนัก การท่องเที่ยวจะถูกซ้ำเติม นักลงทุนจึงไม่มั่นใจในแนวโน้มตลาดหุ้น ซึ่งต่างชาติและกองทุนชิงขายหุ้นออกก่อนหน้าแล้ว
กองทุนการเงินระหว่างประเทศปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจประเทศในกลุ่มอาเซียน ขณะที่สำนักวิจัยธนาคารพาณิชย์บางแห่งเริ่มปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีภายในประเทศเหลือเพียง 2.2% เพราะพิษจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่
นักลงทุนรายย่อยยังมองโลกในแง่ดี ไม่สนใจการระบาดใหม่ของไวรัสโควิด-19 และซื้อหุ้นต่อเนื่องจนอยู่ในฐานะผู้ซื้อรายใหญ่ ไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง รายย่อยยังเป็นผู้ซื้อ โดยซื้อสุทธิสะสมในปีนี้ไปแล้ว 15,606.39 ล้านบาท
การปรับฐานของตลาดหุ้นถ้าเกิดขึ้นเพียงระยะสั้น โดยดัชนีหุ้นไม่ลงลึกจนหลุดระดับ 1,450 จุด นักลงทุนรายย่อยคงไม่ต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัว และอาจเก็บเกี่ยวกำไรได้ถ้าหุ้นดีดกลับ จนดัชนีหุ้นพุ่งขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,550 จุดอีกครั้ง
แต่ใครบอกได้ว่า หุ้นจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางไหนต่อ
โอกาสที่หุ้นจะดีดกลับขึ้นไปที่ 1,550 จุด ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่มีปัจจัยกระตุ้น แต่โอกาสที่จะไหลลงไปในระดับ 1,450 จุด มีความเป็นไปได้มากกว่า
เพราะปัจจัยลบกดดันมีมากมาย ไม่ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “โควิด-19” ที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยที่ยังควบคุมไม่อยู่ จนแพทย์ออกมายอมรับว่า สถานการณ์โควิด-19 อยู่ในขั้นวิกฤต ส่วนสถานการณ์การเมืองภายในประเทศระอุขึ้นช่วงใกล้เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
และการ ถล่มขายของนักลงทุนต่างชาติ เป็นอีกปัจจัยที่ต้องเกาะติดความเคลื่อนไหว เพราะถ้ายังขายไม่เลิก หุ้นฟื้นยาก
หุ้นกลุ่มหลักๆ รอบนี้ขึ้นมาแล้วทุกกลุ่ม หุ้นยอดนิยมหลายตัวราคาก็พุ่งมาไกล ซึมซับรับความคาดหมายผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2563ไปแล้ว จึงไม่น่าจะปรับตัวขึ้นต่อได้อีกมากนัก
ราคาหุ้นบนกระดานส่วนใหญ่เริ่มกลายเป็นของแพงเสียแล้ว ยิ่งเกิดการระบาดใหม่ของ “โควิด-19” รอบใหม่ยิ่งส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในปีนี้ ซึ่งก่อนหน้าคาดว่า ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนโดยรวมปีนี้จะกระเตื้องขึ้น แต่เชื่อว่า นักวิเคราะห์โบรกเกอร์สำนักต่างๆ กำลังเตรียมการหั่นประมาณการอัตราการเติบโตผลดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนลง
จุดสูงสุดของตลาดหุ้นในรอบนี้อาจผ่านพ้นไปแล้วที่ระดับ 1,561 จุด ส่วนจุดต่ำสุดของรอบยังไม่เกิดขึ้น แต่อาจเกิดขึ้นในการปรับฐานครั้งนี้
นักลงทุนที่ผลีผลามเข้าไปช้อนหุ้นต้องระมัดระวังตัวกันหน่อยแล้ว เพราะข่าวร้ายปัจจัยลบกำลังกระหน่ำ จนมีสิทธิฉุดหุ้นรูดลงไปแตะระดับ 1,450 จุดได้
ถ้าเงินสดเหลือเยอะ คันไม้คันมืออยากซื้อหุ้น ถอยไปตั้งรับแถว 1,450 จุดดีกว่าไหม