ศุภาลัย เผยความสำเร็จแผนกระจายความเสี่ยงรุกตลาดอสังหาฯ ต่างประเทศ ระบุโครงการอสังหาฯ ออสเตรเลีย ปี 63 กวาดยอดขายกว่า 1,983 ล้านบาท คิดเป็น 7.5% ของยอดขายรวมในประเทศไทยของบริษัทฯ วางเป้าหมายปี 64 ยอดขายเพิ่มเป็น 5,350 ล้านบาท
ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงนโยบายการลงทุนในต่างประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มศักยภาพการเติบโตของศุภาลัยนั้นนับว่าได้ผลดี โดยมียอดขายจากการร่วมลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศออสเตรเลีย ปี 2563 สามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมาย ท่ามกลางเหตุการณ์โควิด-19 โดยกวาดยอดขาย 1,983 ล้านบาท คิดเป็น 7.5% ของยอดขายรวมในประเทศไทยของบริษัทฯ
ส่วนในปี 2564 นี้ น่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้เพิ่มเป็น5,350 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 19% ของเป้าการขายรวมในประเทศไทยของบริษัทฯ ทั้งนี้ เพราะออสเตรเลียเป็นประเทศใหญ่ที่มีความมั่นคงประกอบกับรัฐบาลออสเตรเลียสร้างแรงจูงใจที่ส่งเสริมการซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่แรงกว่าประเทศ ไทยมาก กล่าวคือในปีที่ผ่านมา รัฐช่วยผู้ซื้อบ้านรายละ $40,000 หรือเทียบเท่า 930,000 บาท
ดร.ประศาสน์ ตั้งมติธรรม กรรมการที่ปรึกษา บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งรับผิดชอบดูแลโครงการลงทุนต่างประเทศเปิดเผยว่า ปัจจุบันศุภาลัยเข้าไปลงทุนในประเทศออสเตรเลียแล้ว จำนวน 11 โครงการ ได้แก่ Balmoral Quay, Officer, Greenvale, GenFyansford, Eden’s Crossing, Whole Green, Narangba, Ballarat Street, Eglinton, Madora Bay และ Katalia โดยมีการเติบโตด้านยอดขายอย่างต่อเนื่อง ในปี 2564 มีแผนดำเนินการขายโครงการของศุภาลัยในออสเตรเลียที่ได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี ดังนี้
โครงการ Balmoral Quay เป็นโครงการที่อยู่อาศัยโดดเด่นริมทะเล ที่ขนาบด้วยสวนสาธารณะทั้งซ้าย-ขวา มีทั้งที่อยู่อาศัยแบบทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม และที่จอดเรือสำราญ 300 ลำ โดยโครงการได้เปิดขายไปประมาณครึ่งหนึ่ง และมีลูกค้าย้ายเข้าอยู่แล้วบางส่วน ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างงานสาธารณูปโภค ก่อสร้างตัวอาคารในเฟสสุดท้าย
โครงการ Officer เป็นโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ อยู่ทิศตะวันออกของ Melbourne ที่ร่วมทุนกับ Satterley ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชนที่ใหญ่ที่สุดใน Australia เป็นโครงการที่มีสถานีรถไฟฟ้าถึง 2 แห่งท้ายของโครงการ มีโรงเรียน ศูนย์สันทนาการ ศูนย์การค้า เปิดขายตั้งแต่ปี 2557 และสามารถทำยอดขายได้ดีอย่างต่อเนื่องแม้แต่ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวปี 2561-2562 ก็สามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม (Best Performer) ปัจจุบันโครงการใกล้ดำเนินการแล้วเสร็จ และคาดว่าจะมีสินค้าสามารถขายได้ถึงช่วงปลายปี 2565 โดยมีอัตราการขายของโครงการ จำนวน 12 แปลงต่อเดือน รวมเป็นยอดขายและยอดสัญญาจำนวน 180 แปลงในปี 2564
โครงการ Greenvale เป็นโครงการที่ร่วมทุนกับ Satterley เช่นกัน ทำเลตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของ Melbourne และเป็นแหล่งทำเลที่ราคาที่ดินค่อนข้างสูง ทำให้อัตราการขายไม่ได้สูงเท่า Officer แต่สามารถสร้างยอดขายได้ต่อเนื่องโดยคาดว่าอัตราการขายจะอยู่ที่ 10 แปลงต่อเดือน สาเหตุที่ยอดขายโดยรวมไม่สูง เนื่องจากที่ดิน Neighborhood 4 ยังไม่มีผังเมืองรองรับซึ่งจะทำให้เกิดความล่าช้าในการเปิดขายประมาณ 3 เดือน
โครงการ Whole Green เป็นโครงการร่วมทุนกับ Peet ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนอสังหาฯ ที่เก่าแก่ที่สุดในออสเตรเลีย โครงการตั้งอยู่ทางตะวันตกของ Melbourne ห่างไปประมาณ 30 กม. ซึ่งเป็นบริเวณที่มีโครงการอยู่จำนวนมาก ทั้งนี้เนื่องจากระดับราคาที่ดินไม่สูงมากนัก อีกทั้งถือว่าไม่ไกลจากตัวเมือง Melbourne คาดว่ายอดขาย/ยอดสัญญาจะอยู่ที่ 100 แปลง ในปี 2564
โครงการ GenFyansford เป็นโครงการจัดสรรที่ดินบนทำเลที่เป็นเหมืองหินปูนเดิม ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเมือง Geelong ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของ Melbourne ปัจจุบันกำลังเปิดขายเฟสที่ 9.1 และ 9.2 จากที่โครงการมีทั้งหมด 9 เฟส และขายหมดไปแล้ว 3 เฟส
โครงการ Ballarat Street เป็นอพาร์ตเมนต์ทำเลดี ตั้งอยู่ที่ Brunswick ห่างจาก Melbourne ไปทางเหนือประมาณ 6 กม. จะเปิดขายอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2564 ขณะที่การก่อสร้างน่าจะเริ่มต้นได้ในครึ่งปีหลัง
โครงการ Katalia เป็นการร่วมเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม Stockland บริษัทจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศออสเตรเลีย โดยเริ่มเปิดขายในปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ประมาณการขายอยู่ที่ 10 แปลงต่อเดือน ไตรมาส 4 ของปี 2563 นั้นได้รับผลตอบรับที่ดีเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้โดยสามารถทำยอดขายอยู่ที่ 20 แปลงต่อเดือนโครงการนี้อยู่ทางเหนือของ Melbourne ห่างออกไปประมาณ 50 กม. และที่ดินราคาถูกเหมาะสมสำหรับครอบครัวที่ซื้อบ้านเป็นหลังแรก ด้วยเป้าการขายของโครงการและชื่อเสียงของกลุ่ม Stockland จะสามารถสร้างยอดขายและยอดสัญญาในปี 2564 โดยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 240 แปลง
โครงการต่างๆ ที่ได้กล่าวไปนั้น ทางบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) มีสัดส่วนการถือหุ้นโครงการในประเทศออสเตรเลียโดยรวมเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 50% เมื่อพิจารณาจากประมาณการยอดขายโครงการทั้งหมดแต่ละโครงการ ด้วยสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ คาดว่าจะทำให้มียอดสัญญาจากโครงการทั้งหมดในประเทศออสเตรเลีย เฉพาะส่วนของศุภาลัยเป็นจำนวนเงินประมาณ 226 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือคิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 5,350 ล้านบาท โดยคาดว่าในปี 2564 นี้ จะสามารถสร้างยอดขายในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น คิดเป็นประมาณ 19% ของยอดขายรวมในประเทศไทยบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) อีกด้วย