ช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อเดือนมีนาคม 2563 หุ้นแทบทั้งกระดานทรุดหนัก ราคาต่ำสุดกันโดยถ้วนหน้า รวมทั้งหุ้นบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG แต่หลังจากนั้น ราคาหุ้นดีดตัวขึ้นจนสร้างจุดสูงสุดใหม่นับจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2557
หุ้น CBG เคยทรุดลงไปต่ำสุดในรอบ 12 เดือน ที่ราคา 46.25 บาท แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ศุกร์ 22 มกราคม 2564 ได้สร้างจุดสูงสุดใหม่ ในระหว่างชั่วโมงซื้อขายที่ 143.50 บาท เพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดประมาณ 200%
นักลงทุนไล่เก็บหุ้น CBG นับจากปลายปี 2563 และไล่ซื้อกันหนักในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขายหนาตาขึ้น ซึ่งเป็นผลพวงจากความคาดหมายผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2563 จะออกมาดี จึงช้อนหุ้นดักเก็งกำไร
CBG เป็นบริษัทโฮลดิ้ง โดยถือหุ้นลงทุนในบริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังและเครื่องดื่มอื่น และผลประกอบการมีกำไรเติบโตต่อเนื่อง
ปี 2561 มีกำไรสุทธิ 1,158.57 ล้านบาท ปี 2562 มีกำไรสุทธิ 2,506.46 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกปี 2563 มีกำไรสุทธิ 2,651.89 ล้านบาท มากกว่ากำไรปี 2562 ทั้งปี
ส่วนไตรมาส 4 ที่ใกล้จะประกาศ คาดว่ากำไรคงเติบโตสูง และอาจมีข้อมูลวงในแพร่ออกมา ทำให้เกิดการไล่ซื้อหุ้นดักเก็งกำไรรับข่าวดีล่วงหน้า
ค่าพี/อี เรโช ของ CBG พุ่งขึ้นถึงระดับ 40 เท่าแล้ว ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทนประมาณ 1.29% ราคาหุ้นถือว่าไม่ถูกนักเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน แต่เพราะความคาดหมายในแนวโน้มการเติบโต นักลงทุนจึงกล้าสู้ราคา
ตามปกติหุ้น CBG จะไม่มีความเคลื่อนไหวที่หวือหวานัก โดยมีการจุดพลุการเก็งกำไรในบางช่วง เมื่อมีข่าวดีหรือใกล้จะมีข่าวดี เช่นข่าวดีเกี่ยวกับผลประกอบการที่เติบโต ซึ่งการจุดพลุ CBG ในช่วงนี้เกิดจากแรงกระตุ้นผลประกอบการไตรมาสที่ 4
หุ้น CBG พุ่งแรงตั้งแต่วันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งราคาปิดที่ 119 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นจากระดับร้อยล้านบาท เป็นกว่า 1 พันล้านบาท
นับจากวันที่ 13 มกราคม มีการไล่ซื้อหุ้น CBG กันฝุ่นตลบ จนราคาปรับตัวขึ้นกว่า 20% ในช่วง 5 วันทำการ
ผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นปัจจัยที่จุดพลุหุ้น CBG จะประกาศในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
สิ่งที่รอคอยกันคือ ตัวเลขผลกำไรจะออกมาดีตามความคาดหมายหรือไม่ และจะเกิดรายการเซลออนแฟกต์ หรือเกิดการเทขายทำกำไรเมื่อมีข่าวดี ทำให้ข่าวดีกลายเป็นข่าวร้ายหรือไม่
จะตามแห่เก็งกำไร CBG ต้องตั้งคำถามตัวเองว่า สายเกินไปหรือไม่ที่จะไล่ราคา และการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 จะเป็นการจบข่าวดี ปิดฉากเก็งกำไรรอบนี้หรือไม่
โครงสร้างผู้ถือหุ้น CBG ประกอบด้วย กลุ่มนายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ และนายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว ถือหุ้นรวมกันประมาณ 65% ของทุนจดทะเบียน มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนทั้งสิ้น 6,095 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 26.36% ของทุนจดทะเบียน
ราคาหุ้น CBG ที่ขึ้นมาระดับนี้ ทำให้ "แอ๊ด คาราบาว หรือนายยืนยง โอภากุล" ติดอยู่ในทำเนียบเศรษฐีหุ้นใหม่ คำนวณจากหุ้นที่ถืออยู่ 70.48 ล้านหุ้น จะมีมูลค่า 9,867.20 ล้านบาท ถ้ารวมครอบครัวโอภากุล ซึ่งถือหุ้นรวมกันประมาณ 110 ล้านหุ้น จะมีมูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท
ผู้ถือหุ้นใหญ่ CBG เป็นมหาเศรษฐีกันไปแล้ว ส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยขณะนี้กำไรกันถ้วนหน้า เพราะราคาหุ้นพุ่งทะยานสร้างจุดสูงสุดใหม่
แต่ขาขึ้น CBG จะจบลงเมื่อไหร่ นักเก็งกำไรที่แห่เข้าไปลุยต้องระวังไว้