โบรกเกอร์ประเมินกำไรปีนี้ 3 หุ้นค้าวัสดุฯ GLOBAL HMPRO และ DOHOME คาดเริ่มฟื้นตัว แต่ระบุ GLOBAL โดดเด่นสุด กำไรโต 35.5% ขณะที่ HMPRO ฟื้นตัวช้ากว่ากลุ่ม ประเมินต้องจับตาแนวโน้ม ศก.กระทบการขยายสาขา ยังคงแนะนำซื้อ
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ถึงแนวโน้มหุ้นกลุ่มค้าวัสดุฯ ทั้งบริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL และบริษัทโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO คาดว่าจะฟื้นตัวได้จากปี 63 ที่ผ่านมา แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องติดตาม โดยเฉพาะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ การขยายสาขาที่อาจจะช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงความชอบของลูกค้า
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองหากแยกตามรายบริษัท พบว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ DOHOME ในปีนี้คาดว่าจะฟื้นตัวสอดคล้องกับรายได้เกษตรที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยว อย่างไรก็ตาม มองว่า ไตรมาส 2-4 ของปีหน้าจะมีความท้ามายที่สำคัญ เนื่องจาก 42% ของสาขาทั้งหมดตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการว่างงานสูงถึง 2.2% ในช่วงเดือน พ.ย.63 โดยบริษัทยังคงประมาณการกำไรปี 64 ที่เติบโตประมาณ 34% และปี 65 ที่ประมาณ 20% ขณะที่ราคาเป้าหมายสิ้นปี 64 ไว้ที่ 14.90 บาท
มอง GLOBAL ปีนี้กำไรโตโดดเด่นสุด 35.5%
ด้าน GLOBAL คาดว่าผลประกอบการของ GLOBAL ในปีนี้จะได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากรายได้เกษตรที่เพิ่มขึ้น รวมถึงฐานที่ต่ำใน Q2/63 เนื่องจากการปิดสาขาชั่วคราวเกือบ 50% ของสาขาทั้งหมด และการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในปี 64 โดยสมมติฐานของบริษัท คือ GROBAL จะขยาย 7 สาขาใหม่ในปีนี้ ซึ่งคาดว่าผลประกอบการในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 35.5% จากปีก่อน
ขณะที่ราคาเป้าหมาย บริษัทให้ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปีนี้ที่ 20.70 บาท แต่ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจ แผนการขยายสาขาที่อาจไม่ได้ตามเป้าหมาย เป็นต้น
HMPRO ยังฟื้นตัวช้า คาดปีนี้กำไรโต 16%
ส่วน HMPRO ประเมินว่า จะเห็นการฟื้นตัวแต่ยังไม่ถึงระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยการฟื้นตัวนั้นจะมาจากฐานที่ต่ำจากการปิดร้านชั่วคราวในช่วงที่มีการปิดทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม จากร้านค้าของบริษัท 47% ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง และ 14% ตั้งอยู่ทางตอนใต้ ธุรกิจจึงมีแนวโน้มที่จะผันผวนมากขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ดังนั้น จึงคาดว่าผลประกอบการของ HMPRO จะฟื้นตัวช้ากว่าประมาณการเดิม โดยในปีนี้คาดว่ากำไรจะเติบโตที่ประมาณ 16% และปี 65 ที่ 14% ขณะที่ราคาเป้าหมายประเมินไว้ที่ 15 บาท
ทั้งนี้ บริษัทมองว่าภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากการที่โควิด-19 กลับมาระบาดระลอกใหม่ทำให้ผลประกอบการสะดุดในระยะสั้น และทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้น จึงมองว่าการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนให้กำไรของ HMPRO กลับมาเติบโตได้อย่างน่าสนใจที่เฉลี่ย 15% ในปี 64-65 ดังนั้น จึงยังคงแนะนำซื้อ