กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) ประเมินทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 29.80-30.10 ต่อดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 30.01 ต่อดอลลาร์สหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 372 ล้านบาท และ 202 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนในปี 2563 เงินบาทแข็งค่า 0.07% ขณะที่เงินหยวนของจีนนำสกุลเงินภูมิภาคแข็งค่าในอัตรา 7.00% ขณะที่ในด้านของเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยลดลงราว 20-80 bps จากสิ้นปี 2562
ทั้งนี้ มองว่าตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการของสหรัฐฯ เช่น ตัวเลขภาคบริการ และการจ้างงาน รวมถึงบันทึกการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจียซึ่งจะบ่งชี้ว่าพรรคใดจะได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยจะมีผลต่อมาตรการกระตุ้นทางการการคลังเพิ่มเติมในระยะถัดไป ขณะที่หลายประเทศเริ่มฉีดหรือจัดซื้อวัคซีนแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงขยายวง โดยการใช้มาตรการชะลอการแพร่เชื้อจะฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพใหญ่ในปีนี้ เรายังคงมุมมองที่ว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างมากของสหรัฐฯ จะกดดันค่าเงินดอลลาร์และดึงดูดกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายสู่ตลาดเกิดใหม่
สำหรับปัจจัยในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่า การบริโภคภาคเอกชนกลับมาขยายตัวในเดือน พ.ย. จากโครงการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐและวันหยุดพิเศษ ส่วนการลงทุนภาคเอกชนเติบโตตามความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวยังไม่ทั่วถึงขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังมีจำนวนน้อยมาก โดยทางการจะติดตามการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในไทยและต่างประเทศต่อไป นอกจากนี้ กรุงศรีมองว่า แม้มาตรการควบคุมโรคในรอบนี้อาจไม่เข้มข้นเท่ากับช่วงเดือน มี.ค.63 และความคืบหน้าของวัคซีนเป็นความหวังของทุกภาคส่วน แต่นักลงทุนจะยังคงระมัดระวัง ขณะที่ภาวะตลาดแรงงานเปราะบางมากขึ้นและบาดแผลของภาคบริการยังฝังลึกจากการปิดเมืองรอบแรก