ซีวิลเอนจีเนียริง ยื่นไฟลิ่งขาย IPO จำนวน 200 ล้านหุ้น เล็งเข้าจดทะเบียนใน SET โดยมี บล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เผยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปขยายการลงทุน และคืนหนี้
บมจ.ซีวิลเอนจีเนียริง ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและหนังสือชี้ชวน (Filling) ฉบับแรกต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 200,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 28.57% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยมี บล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
กลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจหลัก 3 ประเภท ได้แก่ (1) ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง (2) ธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเป็นการจำหน่ายชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูป (Segment) และการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างต่างๆ และ (3) ธุรกิจให้เช่า ซึ่งโดยหลักจะเป็นการให้เช่าและบริการอสังหาริมทรัพย์ และเช่าเครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อสร้าง
วัตถุประสงค์การใช้เงินจากการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อลงทุนเพิ่มเติมในเครื่องจักรและอุปกรณ์ ขยายธุรกิจ ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
กลุ่มบริษัทมีกลยุทธ์ในการประกวดราคาโครงการก่อสร้างโดยตรง หรือผ่านการร่วมทุนกับบริษัทอื่นๆ และกระจายรายได้ไปยังธุรกิจขายวัสดุก่อสร้าง รวมถึงการลงทุนเพื่อซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและบริหารจัดการต้นทุน
นอกเหนือจากโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างแล้วนั้น ณ วันที่ 26 พ.ย.63 กลุ่มบริษัทได้เข้าทำสัญญาจ้างเหมาโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เฟสที่ 1 เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา สำหรับงานโยธาฉบับที่ 4-7 ช่วงสระบุรี-แก่งคอย มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งเป็นโครงการมูลค่าสูงสุดที่เคยดำเนินการมา รวมถึงกลุ่มบริษัทเป็นผู้ชนะการประกวดราคาโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (สายอีสาน) ทั้งสิ้น 2 โครงการจากทั้งหมด 14 โครงการ
นอกจากนี้ ในวันที่ 17 เม.ย.63 กลุ่มบริษัทยังได้ชนะการประกวดราคาโครงการขยายความกว้างทางวิ่งและเสริมผิวทางวิ่งพร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน ท่าอากาศยานลำปาง มูลค่าโครงการ 214.82 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการลงนามในสัญญากับกรมท่าอากาศยาน
ณ วันที่ 30 ก.ย.63 บริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 700,000,000 บาท โดยเป็นทุนที่เรียกชำระแล้ว จำนวน 500,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 500,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท โดยภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแล้ว บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วต็มจำนวน
โครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทมีบริษัท อัศวศิริสุข โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้นจำนวน 450,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 90.00% หลังการเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 64.29% ส่วนที่เหลือถือหุ้นโดยครอบอัศวศิริสุข นางพิชชาพร สุขสถาพรพงศ์ และ ครอบครัววัฒนาโสภณ ซึ่งจะลดสัดส่วนหุ้นลงภายหลัง IPO เช่นกัน
สำหรับผลประกอบการปี 60-62 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง 3,227.32 ล้านบาท 3,292.69 ล้านบาท 2,950.23 ล้านบาท 2,453.24 ล้านบาท ตามลำดับ รายได้จากการจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง 71.43 ล้านบาท 668.80 ล้านบาท 174.38 ล้านบาท 126.16 ล้านบาท ตามลำดับ และรายได้ค่าเช่า 27.84 ล้านบาท 17.10 ล้านบาท 15.70 ล้านบาท 11.81 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 108.01 ล้านบาท 333.24 ล้านบาท และ 140.65 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 3.21%, 8.31% และ 4.38%
ส่วนงวด 9 เดือนแรกของปี 63 บริษัทมีรายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง 2,719.19 ล้านบาท รายได้จากการจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง 236.28 ล้านบาท และ รายได้ค่าเช่า 11.19 ล้านบาท กำไรสุทธิ 65.44 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีรายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง 2,453.24 ล้านบาท รายได้จากการจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง 126.16 ล้านบาท และ รายได้ค่าเช่า 11.81 ล้านบาท กำไรสุทธิ 135.02 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 ก.ย.63 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 4,973.76 ล้านบาท หนี้สินรวม 3,935.78 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้นรวม 1,037.98 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 40.00% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทกำหนดไว้ในแต่ละปี