ก.ล.ต.พิจารณาลงโทษอดีตผู้แนะนำการลงทุน 2 ราย ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ได้แก่ (1) น.ส.วัชรี สว่างแจ้ง (2) นายปิยะ ดวงผดุง และ 1 ราย ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบและรอบคอบเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ ได้แก่ นายกัญจน์พงศ์ พ่วงมงคล (ขณะกระทำความผิดชื่อนายกวีสิทธิ์ พ่วงมงคล) สังกัดธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับรายงานการดำเนินการกรณีลูกค้าร้องเรียนของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2560 น.ส.วัชรี และนายปิยะ ได้ร่วมกันเสนอขายกองทุนให้แก่ลูกค้า โดย น.ส.วัชรี ได้จัดทำแบบประเมินความเหมาะสมการลงทุนแทนลูกค้า และสั่งการให้นายกัญจน์พงศ์ บันทึกรายการเปิดบัญชีกองทุนและถอนเงินจากบัญชีออมทรัพย์ของลูกค้าเพื่อซื้อกองทุนให้ลูกค้าเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท โดยได้รับการยืนยันจากนายปิยะ ว่าลูกค้าเป็นผู้ตัดสินใจลงทุน จึงได้ทำรายการไปก่อนและจะนำเอกสารไปให้ลูกค้าลงนามในภายหลัง แต่ต่อมาลูกค้าปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ตัดสินใจทำรายการดังกล่าวและไม่ยินยอมลงนามในเอกสารเกี่ยวกับการลงทุน
จากนั้น น.ส.วัชรี และนายปิยะ ได้ตกลงกับลูกค้า โดยลูกค้าได้ลงนามในเอกสารที่เกี่ยวข้องและสั่งขายกองทุนทั้งจำนวน ทั้งนี้ น.ส.วัชรี ได้ชดใช้เงินส่วนที่ลูกค้าขาดทุน เพื่อให้ลูกค้าได้เงินคืนทั้งสิ้น 1 ล้านบาท
การกระทำผิดของผู้แนะนำการลงทุนราย น.ส.วัชรี และนายปิยะ เป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่หรือให้บริการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต* โดยการแสวงหาประโยชน์จากผู้ลงทุนโดยอาศัยโอกาสในการปฏิบัติงานในลักษณะยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกค้าโดยที่ลูกค้าไม่ได้รับทราบ สั่งการ หรือยินยอม และมีการจัดทำเอกสารไม่ตรงตามความเป็นจริง ส่วนนายกัญจน์พงศ์ เป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบและรอบคอบเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ** โดยมีการลงนามในเอกสารเพื่อแสดงการทำหน้าที่โดยไม่ปฏิบัติหน้าที่นั้นจริง ซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ก.ล.ต. จึงสั่งการดังต่อไปนี้
ขณะที่กรณี น.ส.วัชรี ก.ล.ต. มีระดับโทษถึงขั้นเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์ แต่เนื่องจากอายุการให้ความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนของ น.ส.วัชรี สิ้นสุดไปแล้วตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2562 ก.ล.ต. จึงลงโทษ น.ส.วัชรี ไม่ให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2563 และการถูกห้ามไม่ให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนข้างต้นมีผลทำให้ น.ส.วัชรี ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการสาขาหรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าในส่วนของธุรกิจตลาดทุนตามระยะเวลาดังกล่าวด้วย
กรณีนายปิยะ ก.ล.ต. เพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนตราสารซับซ้อนประเภท 2 ของนายปิยะ และไม่ให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน เป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2563
ส่วนกรณีนายกัญจน์พงศ์ ก.ล.ต. พักการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนตราสารซับซ้อนประเภท 2 ของนายกัญจน์พงศ์ เป็นเวลา 2 เดือน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2563
ทั้งนี้ ธนาคารได้เลิกจ้างผู้แนะนำการลงทุนทั้ง 3 ราย แล้ว โดยไม่จ่ายค่าชดเชยให้แก่่ น.ส.วัชรี และนายปิยะ และลงโทษทางวินัยพนักงานรายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามระเบียบของธนาคารฐานไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ธนาคารกำหนด
การพิจารณากำหนดโทษ ก.ล.ต. ได้นำปัจจัยดังต่อไปนี้มาใช้ประกอบการพิจารณาของ ก.ล.ต. ด้วย ได้แก่ บทบาทความเกี่ยวข้องและพฤติกรรมของบุคคลที่ถูกพิจารณา การลงโทษที่บุคคลนั้นได้รับไปแล้ว ผลกระทบ ความเสียหาย หรือผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น การแก้ไขหรือการดำเนินการอื่นที่เป็นประโยชน์หรือขัดขวางการปฏิบัติงานของสำนักงาน และประวัติหรือพฤติกรรมในอดีตอื่นใดที่แสดงถึงความไม่เหมาะสมที่จะเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน***
หมายเหตุ :
*ตามข้อ 23(1) และเป็นลักษณะต้องห้ามของบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนตามข้อ 31(1) แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทลธ.8/2557 เรื่อง หลักเกณฑ์เกี่ยวกับบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน ลงวันที่3 มิถุนายน พ.ศ.2557 (ประกาศ ที่ ทลธ.8/2557) ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทลธ.48/2560 เรื่อง หลักเกณฑ์เกี่ยวกับบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน (ฉบับที่7) ลงวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ.2560 (ประกาศที่ ทลธ.8/2557 ที่แก้ไขเพิ่มเติม) และไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการสาขาหรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าในส่วนของธุรกิจตลาดทุนได้ตามข้อ 30(4) แห่งประกาศที่ ทลธ.8/2557 ที่แก้ไขเพิ่มเติม
** ข้อ23(2) และเป็นลักษณะต้องห้ามของบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนตามข้อ 31(1) แห่งประกาศ ที่ ทลธ.8/2557 ที่แก้ไขเพิ่มเติม
*** ข้อ36 แห่งประกาศที่ ทลธ.8/2557