บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง หนึ่งในผู้นำการให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 8 ธ.ค.นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 7,755.20 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ ว่า “SAK”
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SAK” ในวันที่ 8 ธันวาคม 2563 โดย SAK เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (สินเชื่อจำนำทะเบียน) และไม่มีหลักประกัน ภายใต้ชื่อ “สินเชื่อศักดิ์สยาม” มายาวนานกว่า 25 ปี มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ และมี 519 สาขา ครอบคลุม 38 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตก โดยปี 2562 บริษัทขยายสู่ธุรกิจสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ และสินเชื่อเช่าซื้อ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ประชาชนในท้องถิ่นเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำรงชีพ
ทั้งนี้ SAK มีทุนชำระแล้ว 2,096 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 1,550 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 546 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 163.80 ล้านหุ้น ผู้ลงทุนสถาบัน 245.70 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทและกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานของบริษัท และบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัท 136.50 ล้านหุ้น โดยเสนอขายในวันที่ 26-27 และ 30 พฤศจิกายน 2563 ในราคาหุ้นละ 3.70 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนของบริษัท 2,020.20 ล้านบาท มีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 7,755.20 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
ด้าน นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง (SAK) เปิดเผยว่า SAK เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเสริมศักยภาพในการขยายธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ โดยบริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ขยายธุรกิจการให้สินเชื่อส่วนบุคคล ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ชำระคืนเงินกู้บางส่วนให้แก่สถาบันการเงิน และใช้พัฒนาระบบงานการให้บริการสินเชื่อของบริษัท ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบธุรกิจและความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้ SAK เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับระดับประเทศ และเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทในทุกระดับ รวมทั้งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความมั่นคงให้แก่เศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ SAK มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1) กลุ่มครอบครัวบุญสาลี ถือหุ้น 67.06% 2) บริษัท บัวหลวงเวนเจอร์ส จำกัด 7.16% และ 3) กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว 0.97% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากวิธีการสำรวจปริมาณความต้องการซื้อหุ้นสามัญของผู้ลงทุนสถาบันในแต่ละระดับราคา (Book building) คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E Raito) ที่ 15.40 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจปกติซึ่งสะท้อนการปรับปรุงรายการพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2562 ถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 ต่อหุ้น หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายครั้งนี้ (Fully Diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.24 บาท/หุ้น ทั้งนี้ SAK มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองตามกฎหมาย