xs
xsm
sm
md
lg

ทริสจัดอันดับเครดิตองค์กร บสส.ที่ “AA+” แนวโน้ม “Stable”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




บริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด จัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) ที่ระดับ “AA+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งที่มีต่อสถานะของ บสส. ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความสำคัญ (Importance) กับภาครัฐในระดับ “สำคัญมาก” (“Very important”) และมีความสัมพันธ์ (Linkage) กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฯ) ในระดับ “สูงสุด” (“Integral”) โดยกองทุนฯ มีฐานะเป็นนิติบุคคลภายใต้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทั้งนี้ ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่า ความสัมพันธ์และบทบาทที่แข็งแกร่งมีนัยที่บ่งบอกถึงแนวโน้มที่มีความเป็นไปได้สูงที่ บสส. น่าจะได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนฯ และ ธปท. ในยามจำเป็น และเชื่อว่า บสส. จะดำรงความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับกองทุนฯ ซึ่งเป็นนิติบุคคลภายใต้ ธปท. อย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งประเมินความสัมพันธ์ดังกล่าวว่าอยู่ในระดับ “สูงสุด” จากการที่กองทุนฯ ถือหุ้นทั้งหมดและมีอำนาจควบคุมการดำเนินงานของ บสส. รวมไปถึงการที่ บสส. มีบทบาทในการดำเนินตามนโยบายของกองทุนฯ และ ธปท. อีกด้วย โดยกองทุนฯ มีหน้าที่ควบคุมและให้คำปรึกษาแก่ บสส. ในด้านการดำเนินงาน โดยผ่านการอนุมัตินโยบายการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งกำหนดเป้าหมายทางการเงิน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยชี้วัดผลการดำเนินงานที่กำหนดโดยกองทุนฯ นั้นไม่ได้มุ่งเน้นที่ผลกำไร หากแต่เน้นที่ระดับภาระหนี้ของ บสส. ขณะที่การชำระคืนหนี้ให้แก่กองทุนฯ (ในรูปของตั๋วสัญญาใช้เงินที่ไม่มีการจ่ายดอกเบี้ย) กองทุนฯ ได้กำหนดตารางการชำระคืนหนี้ให้สอดคล้องกับสถานะสภาพคล่องของ บสส. และผ่อนผันให้ บสส. สามารถจัดสรรผลกำไรบางส่วนไว้ใช้ในการขยายธุรกิจ โดยนโยบายดังกล่าวมีส่วนช่วยส่งเสริม บสส. ในการทำหน้าที่เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐ

รวมทั้ง บสส. มีบทบาทเป็นตัวแทนของ ธปท. ที่ช่วยตอบสนองนโยบายของ ธปท. บางส่วน โดยหลัก บสส. ทำหน้าที่สำคัญในฐานะบริษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐเพียงแห่งเดียวซึ่งมีหน้าที่ช่วยรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินโดยการเข้าซื้อสินเชื่อด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินต่างๆ ทั้งนี้ บทบาทของ บสส. จะเห็นเด่นชัดในช่วงที่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพในระบบธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้น หากการดำเนินงานของ บสส. มีการหยุดชะงักอาจส่งผลกระทบต่อระบบการเงินได้

นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังเชื่อด้วยว่าบทบาทของ บสส. นั้นไม่อาจแทนที่ได้ด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์รายอื่นๆ ในระยะสั้นถึงปานกลางเมื่อพิจารณาจากขนาดของธุรกิจและความชำนาญของ บสส. รวมถึงการสนับสนุนทางด้านแหล่งเงินทุนจากกองทุนฯ ทั้งนี้ บสส. เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ด้วยขนาดสินทรัพย์รวม 4.5 หมื่นล้านบาท รองจากบริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (บสก. ได้รับอันดับเครดิต “A-/Stable” จากทริสเรทติ้ง) โดยสินทรัพย์รวมของทั้ง บสก. และ บสส. คิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ของสินทรัพย์รวมของทั้งอุตสาหกรรมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

และ บสส. ยังมีบทบาทที่เด่นชัดอีกบทบาทหนึ่ง คือการเป็นตัวกลางในการดำเนิน "โครงการคลินิกแก้หนี้" ซึ่งริเริ่มโดย ธปท. เพื่อส่งเสริมการปรับโครงสร้างหนี้โดยสมัครใจสำหรับลูกหนี้รายย่อยที่ประสบปัญหาในการชำระคืนหนี้ (เป็นหนี้เสียก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม 2563) และเพื่อให้สถาบันการเงินได้รับการชำระหนี้คืนมากขึ้น

ณ เดือนธันวาคม 2562 บสส. ถือว่าเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในแง่ของขนาดของสินทรัพย์รวมเมื่อเทียบกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ทั้งสิ้น 61 แห่งในอุตสาหกรรมบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของไทย โดยบริษัทมีหนี้ด้อยคุณภาพสุทธิรวมอยู่ที่ 2.54 หมื่นล้านบาทที่อยู่ภายใต้การบริหารและมีภาระหนี้ตามบัญชีรวมอยู่ที่ 3.4 แสนล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพของ บสส. ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่รับโอนมาจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) และบริษัท บริหารสินทรัพย์เพชรบุรี จำกัด (บสพ.) ในอดีต อย่างไรก็ตาม บสส. ได้ทำการซื้อสินเชื่อด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารในจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นทุกปีตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามแนวนโยบายของกองทุนฯ ที่จะให้ บสส. รักษาขนาดของสินเชื่อด้อยคุณภาพเอาไว้

ในปี 2562 บสส. ได้ซื้อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ราคาทุนจำนวน 8 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ซื้อเข้ามาบริหารในปี 2561 ที่มีราคาทุนจำนวน 4 พันล้านบาท ทั้งนี้ บสส. มีนโยบายที่จะซื้อเฉพาะสินเชื่อที่มีหลักประกันเข้ามาบริหาร โดยมุ่งเน้นที่สินเชื่อในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นหลัก ในการนี้ บสส. มีจำนวนทรัพย์สินรอการขายทรงตัวอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาทในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาและเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563

ด้านแหล่งเงินทุน บสส. มีเงินสดรับชำระหนี้จากลูกหนี้สินเชื่อและวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่างๆ เป็นแหล่งเงินทุนหลักสำหรับการขยายธุรกิจ โดย บสส. มีเงินสดรับชำระหนี้จากทั้งพอร์ตสินเชื่อด้อยคุณภาพและพอร์ตทรัพย์สินรอการขายอยู่ที่จำนวน พอร์ตละ 1.1 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บสส. มีเงินสดรับชำระหนี้รวมอยู่ที่ 3 พันล้านบาท โดย 78% ของจำนวนดังกล่าวมาจากสินเชื่อด้อยคุณภาพและ 22% มาจากทรัพย์สินรอการขาย นอกจากนี้ บสส. ยังมีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่างๆ อีกจำนวนทั้งสิ้น 3.3 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563
กำลังโหลดความคิดเห็น