COM7 ตั้งเป้าปี 64 รายได้โต 10% ทำกำไรนิวไฮต่อเนื่อง ส่วนปีนี้รายได้โตตามเป้า หลังโค้งสุดท้ายปีนี้ได้ยอดขายไอโฟน 12 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ช่วยหนุน พร้อมทุ่มงบ 400 ล้านบาท ขยายสาขาไม่ต่ำกว่า 100 แห่ง และพัฒนาซอฟต์แวร์ รับอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนธุรกิจเกี่ยวเนื่อง คาดชัดเจนไตรมาส 2/64
นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เปิดเผยว่า แผนดำเนินงานในปี 64 บริษัทตั้งเป้ามีรายได้เติบโตประมาณ 10% จากปีนี้ที่คาดเติบโต 10% จากปีก่อนที่ทำได้ราว 3.3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากยอดขาย iPhone 12 ดีต่อเนื่อง ประกอบกับเทคโนโลยี 5G จะเข้ามาสนับสนุนให้อุปกรณ์ไอทีต่างๆ ที่จะต้องมีการอัปเกรดขึ้น และช่วยหนุนความต้องการใช้งานเพิ่มมากขึ้นไปด้วย
"ยอดขายในไตรมาส 4/63 คาดว่าทำนิวไฮ และกำไรสุทธิเติบโตตามยอดขายมาจากการเปิดจอง iPhone 12 ล่วงหน้า ซึ่งมีลูกค้าให้ความสนใจจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก ส่งผลทำให้บริษัทมียอดจอง iPhone 12 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกัน ยอดขาย iPhone 11 ก็ยังดีต่อเนื่องด้วย ทำให้บริษัทฯ เชื่อมั่นว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตไปตามเป้าหมายที่ 10% ได้" นายสุระ กล่าว
หวังกำไรปีหน้าทำนิวไฮ พร้อมเปิดสาขาใหม่ไม่ต่ำกว่า 100 สาขา
นอกจากนี้ คาดหวังว่าจะทำกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) จากปีนี้ที่คาดว่าใกล้เคียงปีก่อนที่ 1,216.32 ล้านบาท โดยอัตรากำไรสุทธิจะกลับไปอยู่ในระดับปกติที่ 3% จากไตรมาส 3/63 อยู่ที่ 4% เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ได้ปรับตัวดีขึ้น ทำให้สามารถกลับมาจ่ายค่าเช่าในระดับเดิม หลังเจ้าของพื้นที่เช่าได้ปรับลดค่าเช่าลงในช่วงไตรมาส 2/63
"บริษัทวางงบลงทุนรวมที่ 400 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดสาขาใหม่ไม่ต่ำกว่า 100 สาขา ส่วนใหญ่จะอยู่ตามต่างจังหวัดราว 70-80% และทำให้สิ้นปี 64 บริษัทจะมีสาขาเพิ่มกว่า 900 สาขา และจะใช้ลงทุนในเรื่องของระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ราว 40 ล้านบาท รวมถึงการฝึกอบรมบุคลากร" นายสุระ กล่าว
มองภาพรวมตลาดไอทีปี 64 ปรับตัวดี ความมั่นใจฟื้น
ขณะที่ภาพรวมตลาดไอทีปี 64 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นตามความมั่นใจของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวดีขึ้น เป็นไปตามการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งบริษัทฯ ก็เตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชันที่พัฒนามาเพื่อรองรับการสั่งซื้อสินค้าผ่านออนไลน์และรับสินค้าหน้าร้าน ซึ่งจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาส 1/64 โดยหวังว่าภายใน 2 ปี หรือปี 66 จะมีสัดส่วนรายได้จากออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 5%
เขากล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนในธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน โดยใช้จุดแข็งในด้านฐานลูกค้าที่ปัจจุบันมีอยู่ 2 ล้านราย และมีการซื้อสินค้าราว 2 ล้านชิ้นต่อปีมาช่วยต่อยอดธุรกิจ โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาส 2/64