ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี มองไตรมาส 4 อุตสาหกรรมคอนกรีตแนวโน้มดีต่อเนื่อง ชูกลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปและสินค้า Landscape รองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน งานภาครัฐ หนุน Backlog แตะ 1,900 ล้านบาท เผยผลประกอบการงวด 9 เดือน กวาดรายได้รวม 1,879.72 ล้านบาท กำไรสุทธิ 70.33 ล้านบาท
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า ทิศทางภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์คอนกรีตช่วงโค้งสุดท้ายมีแนวโน้มดีกว่าไตรมาส 3 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากโครงการของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต่างๆ ที่มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง เช่น งานถนน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) นิคมอุตสาหกรรม งานท่าเรือ ทยอยดำเนินงานก่อสร้าง ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์คอนกรีตปรับตัวดีขึ้น ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังทรงตัว
โดยแผนการดำเนินงานในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2563 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าใหม่ในกลุ่มคอนกรีตสำเร็จรูปอย่างต่อเนื่องรองรับงานโครงสร้างพื้นฐานและเอกชนได้อย่างหลากหลาย เช่น สินค้าที่เกี่ยวกับการระบายน้ำ ท่อคอนกรีตขนาดใหญ่ ซึ่งบริษัทเป็นผู้นำและมีความเชี่ยวชาญในการผลิตท่อขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ และเน้นการขยายฐานลูกค้า กลุ่มสถาปนิก ผู้รับเหมารายย่อยโครงการขนาดกลาง-เล็ก ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีความต้องการใช้งานคอนกรีตสำเร็จรูปเพื่องานก่อสร้าง Land Scape เพื่อเพิ่มยอดขายสินค้าคอนกรีตสำเร็จรูปกลุ่มบล็อกกำแพง บล็อกกันหน้าดิน บล็อกปูพื้น ที่ช่วยแก้ปัญหางานก่อสร้าง ลดต้นทุน ทำให้งานเสร็จรวดเร็ว
ปัจจุบัน บริษัทมี Backlog ประมาณ 1,820 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน แบ่งเป็นการรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 60% โดยบริษัทจะทยอยประมูลงานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถรักษาการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 2,500 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจากงานภาครัฐ 80% และภาคเอกชน 20%
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 1,879.72 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,942.32 ล้านบาท จำนวน 62.60 ล้านบาท หรือลดลง 3.22% และมีกำไรสุทธิ 70.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 35.80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 96.45%
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 557.25 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 690.88 ล้านบาท จำนวน 133.63 ล้านบาท หรือลดลง 19.34% และมี กำไรสุทธิ 6.90 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 29.96ล้านบาท หรือลดลง 76.97% เนื่องจากมีการตั้งสำรองของมาตรฐานบัญชีใหม่ และการชะลอตัวจากภาคอสังหาริมทรัพย์ และการก่อสร้าง
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลงเนื่องมาจากปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปของโครงการภาครัฐและเอกชนลดลง ส่งผลให้ยอดขายปรับตัวลดลง อีกทั้งผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอการลงทุน ประกอบกับเป็นช่วงฤดูฝนส่งผลให้มีความล่าช้าในการก่อสร้าง