xs
xsm
sm
md
lg

ส้มหล่นใส่ PRINC / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดตัวออกมาแล้วสำหรับผู้ที่ซื้อหุ้นบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH จำนวน 22.71% ของทุนจดทะเบียน จากบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นกลุ่มที่ก่อตั้ง BDMS เจ้าของโรงพยาบาลกรุงเทพนี่เอง

ดร.สาธิต วิทยากร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC ทายาทนายแพทย์พงษ์ศักดิ์ วิทยากร ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลกรุงเทพ ยอมรับว่า ได้เจรจาซื้อหุ้น BH กับนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้ถือหุ้นใหญ่ BDMS และจะชำระเงินค่าหุ้นงวดแรก จำนวน 90.5 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 103 บาท วงเงินรวม 9,321.50 ล้านบาท และสนใจหุ้น BH อีก 11.34% ที่เหลือของ BDMS โดยอยู่ระหว่างการจัดหาแหล่งเงินทุนมาซื้อ

แม้การซื้อหุ้น BH ของ ดร.สาธิต จะเป็นการซื้อในนามส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับ PRINC แต่หุ้น PRINC กลับได้รับอานิสงส์ นักลงทุนแห่เข้าเก็งกำไร จนราคาดีดขึ้นแรง 2 วันติด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่หนาตากว่าปกติ

อนาคตการบริหารและการดำเนินงานของ BH จะเป็นอย่างไร หลังการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ โดย ดร.สาธิต เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 แทน BDMS เป็นเรื่องที่นักลงทุนจะต้องเฝ้าติดตาม

แต่การบริหารและการดำเนินงานของ PRINC ไม่น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะไม่ได้เกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น BH และ PRINC ไม่อยู่ในฐานะที่จะซื้อหุ้น BH จาก BDMS ด้วย

เพราะมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมหรือมาร์เกตแคปมีเพียง 1.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่การซื้อหุ้น BH สัดส่วน 22.71% ต้องใช้เงินถึง 1.86 หมื่นล้านบาท

หุ้น PRINC จึงไม่น่าจะพุ่งทะยานขานรับข่าว ดร.สาธิต ซื้อหุ้น BH แม้ ดร.สาธิต จะเป็นกลุ่มถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ใน PRINC ก็ตาม เพราะผลประโยชน์จากการลงทุนใน BH จะเกิดขึ้นกับ ดร.สาธิต เท่านั้น

แต่ผลในเชิงจิตวิทยาข่าวการซื้อหุ้น BH กระตุ้นให้นักเก็งกำไรแห่เข้าไปไล่ราคา PRINC ทั้งที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียได้กับการซื้อหุ้นของ ดร.สาธิต

PRINC เดิมคือ บริษัท เมโทร พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ METRO โดย ดร.สาธิตได้ซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมมาเมื่อปี 2556 และเปลี่ยนชื่อมาเป็น PRINC

แม้จะมีโรงพยาบาลในเครือนับสิบแห่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลในต่างจังหวัด ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทไม่ดีนัก โดยขาดทุนติดต่อหลายปี ไม่มีการจ่ายเงินปันผล ทำให้หุ้นไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากนัก

ปี 2560 มีผลขาดทุนสุทธิ 345.10 ล้านบาท ปี 2561 ขาดทุน 173.40 ล้านบาท ปี 2562 ขาดทุนสุทธิสุทธิ 181.72 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกปีนี้ขาดทุนสุทธิ 423.95 ล้านบาท

ก่อนหน้านั้น มูลค่าซื้อขายหุ้น PRINC มีประมาณวันละ 1 ล้านบาท แต่หลังมีข่าวการซื้อหุ้น BH ทั้งราคาและมูลค่าการซื้อขายหุ้นพุ่งขึ้น โดยราคาหุ้นเมื่อวันอังคารที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังมีข่าวลือว่า PRINC เป็นผู้ซื้อหุ้น BH จาก BDMS ราคาขยับขึ้นมาปิดที่ 3.32 บาท เพิ่มขึ้น 46 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้น 16.08% มูลค่าการซื้อขาย 198.80 ล้านบาท

และแม้ PRINC จะปฏิเสธข่าวไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้น BH โดย ดร.สาธิต เป็นผู้ซื้อในนามส่วนตัว แต่ราคาหุ้น PRINC วันที่ 25 พฤศจิกายนยังขยับขึ้นต่อ ปิดที่ 3.42 บาท เพิ่มขึ้น 10 สตางค์ มูลค่าการซื้อขาย 51.50 ล้านบาท

นักลงทุนรายใหม่ๆ คงแห่เข้าไปไล่เก็บหุ้น PRINC เพราะคิดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการซื้อหุ้น BH ทั้งที่ไม่มีอะไรเกี่ยวพันกัน การซื้อหุ้น BH ของ ดร.สาธิต เป็นการซื้อส่วนตัว ไม่ใช่การผนวก PRINC เข้ากับ BH หรือการจับมือเป็นพันธมิตรกับ BH

การลงทุนใน BH จึงเป็นส่วนได้ส่วนเสียเฉพาะตัว ดร.สาธิต เท่านั้น ผู้ถือหุ้นรายอื่นใน PRINC ไม่มีส่วนได้เสียด้วย

ผู้ถือหุ้นรายย่อยเดิม PRINC มีจำนวนทั้งสิ้น 1,967 ราย และก่อนหน้าคงจะติดหุ้นตัวนี้อยู่ เพราะราคาสูงสุดในรอบ 12 เดือน เคยถูกลากขึ้นไปที่ 4.90 บาท ทั้งที่ผลประกอบการขาดทุน

การที่นักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาเก็งกำไร PRINC จึงส่งผลดีสำหรับผู้ถือหุ้นเดิม เพราะสามารถขายหุ้นราคาสูงตัดขาดทุน

ได้โอกาสผ่องถ่ายหุ้นที่ติดไว้ให้นักลงทุนรายใหม่ที่เข้ามาเล่นกับ PRINC







กำลังโหลดความคิดเห็น