ก.คลัง เดินหน้าโครงการ “คนละครึ่ง เฟส 2” กระตุ้นการใช้จ่ายช่วงปีใหม่ หลังประชาชนและร้านค้าเข้าร่วมคึกคัก คาดเงินใช้จ่ายโครงการกระตุ้นของรัฐ 4 มาตรการมีกว่า 2 แสนล้านบาท ด้านประชาชนและผู้ค้าต่างเชียร์รัฐบาลขยายโครงการเฟส 2 ไปถึงปีหน้า
นายพรชัย ฐีระเวช ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากการใช้จ่ายของโครงการคนละครึ่งคึกคักในช่วงปลายปีนี้ นายกรัฐมนตรีได้เปิดทางให้กระทรวงการคลังศึกษาโครงการคนละครึ่ง เฟส 2 ว่าจะดูแลกลุ่มใดเพิ่มเติม โดยอยู่ระหว่างคำนวณตัวเลขเงินงบประมาณที่จะใช้ส่งเสริมการใช้จ่ายในช่วงปีใหม่ และประเมินถึงความจำเป็นเพื่อสรุปแนวทางเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะรัฐมนตรีพิจารณา เนื่องจากขณะนี้การใช้เงินแบบไร้เงินสดผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง และการรับเงินผ่านแอปพลิเคชันถุงเงินของร้านค้ารายย่อยเริ่มคล่องตัวมากขึ้น
จนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2563 มีประชาชนใช้จ่ายแล้วกว่า 8 ล้านราย มีร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการ 680,000 ราย ซึ่งรัฐบาลไม่ได้ปิดการรับสมัครเข้าโครงการของร้านค้า โดยยังสามารถสมัครเข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง และส่วนใหญ่เป็นร้านค้าหาบเร่ แผงลอย สูงถึง 90,000 ราย เพราะเข้าถึงการใช้จ่ายของประชาชนทุกซอกทุกซอย
ทั้งนี้ นโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการใช้จ่ายช่วงปลายปีแบบสังคมไร้เงินสด ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงโครงการเราเที่ยวด้วยกัน รวมกับการใช้เงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการช้อปดีมีคืน และโครงการคนละครึ่ง คาดว่าจะทำให้ในช่วงไตรมาส 4 มีเงินออกสู่ระบบประมาณ 2 แสนล้านบาท
ส่วนบรรยากาศที่ตลาดวังหลัง ตรงข้ามโรงพยาบาลศิริราชวันนี้ คึกคักไปด้วยประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อสินค้า อาหาร ข้าวของเครื่องใช้กันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการใช้จ่ายผ่านโครงการคนละครึ่ง แม่ค้าในตลาดวังหลังที่เข้าร่วมโครงการบอกว่าตั้งแต่มีโครงการทำให้ตลาดวังหลังคึกคักขึ้นมาอีกรอบหลังเจอพิษโควิด-19 มาหลายเดือน โดย น.ส.กิตติยา ศรีตัมภวา แม่ค้าเสื้อผ้าบอกว่า ตอนโควิด-19 แทบไม่มีลูกค้าเลย แต่พอมีโครการนี้ลูกค้ากล้าซื้อมากขึ้น เพราะได้ของในราคาแค่ครึ่งเดียว เช่น กระโปรงตัวละ 200 บาท ก็จ่ายแค่ 100 เดียว เป็นโครงการที่กระตุ้นเศรษฐกิจดีมาก
น.ส.ณัฐฐ์ชาพร ศรีตัมภวา แม่ค้าวังหลัง กล่าวว่า อยากให้ขยายต่อเฟส 2 ไปจนถึงปีหน้า ถ้าเป็นไปได้หากขยายสิทธิจับจ่ายเป็นวันละ 200 บาทกำลังดี จากเดิมให้สิทธิวันละ150 บาทต่อคนต่อวัน เช่นเดียวกับนางสุพี จันทกิจ ร้านขนมจีบต้มป้าอ้วน ตลาดวังหลัง บอกว่าขายดีขึ้น คนเยอะขึ้น ทำให้ตลาดคึกคักขึ้น ยอดขายเพิ่มขึ้น 80%
ด้านคนซื้ออย่าง น.ส.ศุภมาส วงษารัตน์ ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ กล่าวว่า โครงการนี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้พอสมควร ที่สำคัญช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจดีมาก จับจ่ายคล่องขึ้น เพราะถือว่าได้ของในราคาครึ่งหนึ่ง เดินมาหลายตลาด สังเกตเห็นว่าร้านค้าที่สมัครคนละครึ่งคนจะซื้อเยอะมาก อยากให้ขยายออกไปถึงปีหน้าเลย น.ส.สุขใจ เด่นดวงดี บอกว่าโครงการนี้ช่วยค่าใช้จ่ายได้เยอะ อยากให้ขยายโครงการออกไปอีก เผื่อคนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนจะได้มีสิทธิใช้บ้าง เพราะเป็นโครงการที่ช่วยค่าใช้จ่ายได้ดีมาก
ส่วนบรรยากาศในต่างจังหวัด การใช้จ่ายผ่านโครงการคนละครึ่ง คึกคักไม่แพ้กัน เช่น จ.บุรีรัมย์ ที่สวนคุณปู่ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบวิถีชุมชน นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวสวนใหญ่จะใช้สิทธิตามโครงการคนละครึ่งที่รัฐบาลเปิดรับสมัครรอบสอง ซื้อกาแฟ เครื่องดื่ม และขนมภายในสวนคุณปู่ดังกล่าวอย่างคึกคัก นายธนิส ปุรันรัมย์ เจ้าของสวนคุณปู่ บอกว่า หลังจากรัฐบาลมีโครงการคนละครึ่งส่งผลให้ยอดขายกาแฟ เครื่องดื่ม และขนมภายในร้านที่สวนคุณปู่เปิดให้บริการกระเตื้องขึ้นจากเดิมกว่า 70% จึงอยากให้รัฐขยายหรือต่อยอดโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นโครงการที่ดี สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญสามารถช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกอบการทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จากก่อนหน้านี้ต้องเจอกับพิษโควิด-19 ยอดรายได้ลดฮวบ