xs
xsm
sm
md
lg

ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป โกยกำไรทะลุ 2 พันล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 
ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป อวดกำไรงวดนี้ทะยานสุดเป็นประวัติการณ์ 2,056.15 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเฉียด 50% ผลดีจากยอดขายพุ่งแตะ 34,784 ล้านบาท เพราะการระบาดของไวรัสสโควิด-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคทำอาหารในครัวเรือนมากขึ้น เผยหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนทั้งในธุรกิจหลักและธุรกิจที่มีอัตราการทำกำไรสูง อีกทั้งการร่วมทุนเพื่อสร้างระบบนิเวศสตาร์ทอัปเทคโนโลยีและนวัตกรรมอาหารให้เป็นตลาดโปรตีนทางเลือกในไทย


นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ TU แจ้งผลงานไตรมาส 3 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,056.15 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์คือ เพิ่มขึ้น 49.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,373.64 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น 9.3% อยู่ที่ 34,784 ล้านบาท โดยหลักมาจากปริมาณยอดขายธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 12.4% จากปีก่อนหน้า เพราะผู้บริโภคทำอาหารในครัวเรือนมากขึ้น ส่วนธุรกิจอาหารแช่แข็งและธุรกิจที่เกี่ยวข้องมียอดขายเพิ่มขึ้น 4.7% อยู่ที่ 13,370 ล้านบาท และธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่ามียอดขายเพิ่มขึ้น 12% อยู่ที่ 5,155 ล้านบาท

“ผลประกอบการของ TU ในไตรมาสที่ผ่านมาเป็นผลจากกลยุทธ์ทางธุรกิจในการพัฒนาการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับความต้องการของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน” นายธีรพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วงระยะหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนทั้งในธุรกิจหลักและธุรกิจที่มีอัตราการทำกำไรสูง เช่น ธุรกิจส่วนประกอบอาหาร หรือ ingredients และเทคโนโลยีนวัตกรรมอาหาร สำหรับสถานการณ์โควิด-19 นั้น ยังเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจต้องเผชิญ โดย TU เองได้มีมาตรการต่างๆ และทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะผลิตสินค้าได้อย่างต่อเนื่องเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าของ TU ทั่วโลก จึงรู้สึกยินดีที่ผู้บริโภคยังคงเชื่อมั่นและให้การตอบรับแบรนด์ต่างๆ ของ TU ที่มีอยู่ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง

"ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมอาหาร TU ลงทุนในนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดไตรมาสที่ 3 ของปี ได้จับมือกับฟู้ดเทคสตาร์ทอัป 4 บริษัท โดย 3 บริษัทนั้นมาจากโครงการสเปซ-เอฟ ที่ TU ได้ร่วมก่อตั้งขึ้นในปี 2562 และ TU คือร่วมสร้างระบบนิเวศสตาร์ทอัปเทคโนโลยีและนวัตกรรมอาหาร ซึ่ง TU ได้เริ่มทำตลาดผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่ผลิตจากโปรตีนจากพืชในประเทศไทย เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการโปรตีนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนมากขึ้น"

สำหรับบริษัทสตาร์ทอัปที่ TU ได้ร่วมลงทุนคือ มันนา ฟู้ดส์ ที่พัฒนาโปรตีนทางเลือก ส่วนอัลเคมี ฟู้ดเทค นั้นมุ่งเน้นในด้านอาหารสำหรับผู้ป่วย และไฮโดรนีโอ เป็นบริษัทที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำ ส่วนบริษัท วิสไวร์ส นิวโปรตีน เป็นผู้นำในการลงทุนในโปรตีนทางเลือกถึงแม้ว่าตลาดโปรตีนทางเลือกในไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่สำหรับตลาดสินค้าประเภทดังกล่าวในระดับโลกนั้นถือว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่สูง โดยปัจจุบันตลาดโปรตีนทางเลือกของโลกนั้นมีขนาดถึง 12,800 ล้านเหรียญสหรัฐ และยังมีแนวโน้มว่าจะเติบโตในช่วงระหว่าง ปี 2562-2568 หรือ 6.8% เฉลี่ยต่อปี

ด้วยวิสัยทัศน์และนวัตกรรมของ TU ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทได้รับการยอมรับในระดับสากล ไม่ว่าจะเป็นการที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสาร Intrafish ในฐานะผู้ทรงอิทธิพลอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมอาหารทะเลโลก ได้รับรางวัล SDG Impact Award จากเวที Responsible Business Award 2020 ด้วยโครงการต่างๆ ที่ริเริ่มเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ขององค์การสหประชาชาติ (UN SDGs) ล่าสุด TU ยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน

“เรายังคงดำเนินธุรกิจโดยรักษาระดับกระแสเงินสด พิจารณาโอกาสต่างๆ ที่เข้ามา และบริหารจัดการสายการผลิตของเราโดยเน้นย้ำเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยเป็นสำคัญ เพื่อที่จะสามารถผลิตสินค้าคุณภาพให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่อง” นายธีรพงศ์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น