ภาคอสังหาฯ กระทุ้งภาครัฐ ปัดฝุ่นแคมเปญ Amazing Thailand ผ่านแคมเปญร่วมกันอีกครั้ง แต่เป็นการจองล่วงหน้าแค่ 7 ล้านคน หัวละ 50,000 บาท เงินสะพัดหลายแสนล้าน ด้านบอสใหญ่ โบ๊ทพัฒนา รายใหญ่ในภูเก็ต ชี้สถานการณ์ปัจจุบันหนักมาก ต้องทำการตลาดขายโครงการถึง 4 รอบ ขณะที่ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา จ่อชง ครม.เรื่องเพิ่มสิทธิประโยชน์อีลิทการ์ด กระตุ้นการลงทุนอสังหาฯ แลกสิทธิอยู่ประเทศไทย ชงสูตรลดกักตัวนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเหลือ 7+7 หากไม่เกิดระบาดโควิด-19 รอบ 2 เผยเป้าหมายปี 64 น่าจะได้ตัวเลขจากต่างชาติเข้าไทยประมาณ 5 ล้านคน
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และยังเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง ของกรมที่ดิน กล่าวเสนอรัฐบาลรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ว่า ควรจะนำเรื่องความร่วมมือที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับกลุ่มบริษัทอาลีบาบา ในการเปิดตัวโครงการเที่ยวเมืองไทยกับชาวจีน ซึ่งอาจจะวางเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนเบื้องต้น 7 ล้านคน ให้มีการแสดงความสนใจ (จองผ่านออนไลน์) เข้ามาเที่ยวไทย กำหนดค่าใช้จ่ายประมาณ 50,000ต่อคน (คาดเป็นเงิน 350,000 ล้านบาท) ก็จะช่วยให้เกิดผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ ซึ่งในปีที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 11 เดือน 11 ททท.ได้ทำแคมเปญวันชอปปิ้งกับอาลีบาบา ขายนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทย ซึ่งประสบความสำเร็จ
รร.ภูเก็ตถูกกระทบหนัก อสังหาฯ ต้องขายถึง 4 รอบ
นายบุญ ยงสกุล ประธานกรรมการ บริษัท โบ๊ทพัฒนา จำกัด ผู้ประกอบการในธุรกิจโรงแรมและอสังหาฯ รายใหญ่ของภูเก็ต กล่าวยอมรับว่า โควิด-19 เปรียบได้กับผลกระทบในเชิงสึนามิของภูเก็ต ธุรกิจต่างๆ ประสบปัญหา เนื่องจากรายได้ร้อยละ 90-95 จะพึ่งพิงการท่องเที่ยวเป็นหลัก ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์แม้จะกระทบในรอบถัดมาแต่เริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และต่อเนื่องไปถึงปี 2564 ต่างกับจังหวัดอื่นๆ เช่น จังหวัดชลบุรี ยังมีเรื่องของภาคอุตสาหกรรมการส่งออก
"2 ปีที่ผ่านมา มีกรณีเรื่องเรือนำนักท่องเที่ยวชาวจีนคว่ำ เกิดเรื่องเทรดวอร์ ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนมาเที่ยวภูเก็ตลดลง ตามมาเรื่องมาตรการ LTV และเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาฯ มาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่าง โครงการที่บริษัทพัฒนาอยู่ เช่น ทาวน์เฮาส์ ต้องทำการตลาดขายโครงการเฉลี่ย 2-2.5 รอบ ซึ่งก็ว่าหนักแล้ว ยิ่งมาเจอสถานการณ์โควิด-19 รอบการขายเพิ่มเป็น 3.5-4 ครั้ง ซึ่งหมายความว่า 1 หลังต้องขายให้แก่ลูกค้าถึง 4 คนถึงจะสำเร็จ เป็นค่าเฉลี่ยใหม่ที่ต้องปรับตัวทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น" นายบุญ กล่าว
สำหรับแนวโน้มตลาดปล่อยเช่านั้น มีอัตราการเช่าที่ดีขึ้น โดยเฉพาะบางกลุ่มที่ยังทำอยู่ในภูเก็ต รวมถึงชาวต่างชาติที่อยู่ในไทยก็ย้ายมาอาศัยในภูเก็ตก็มี แต่จะอยู่แบบในพื้นที่เฉพาะที่นิยมกัน
"เรามองว่า การที่จะมี ครม.สัญจรในสัปดาห์นี้ หากเกิดความชัดเจนในเรื่องการลงทุนจะเป็นเรื่องที่ดี หรือแม้แต่โครงการรถไฟฟ้รางเบา (รูปแบบ PPP) หากรัฐมองเห็นความสำคัญ รวมถึงโครงการขยายสนามบินแห่งใหม่"
จ่อชง ครม.เพิ่มสิทธิประโยชน์อีลิทการ์ด
ชงสูตรกักตัวต่างชาติ 7+7
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเพิ่มสิทธิประโยชน์ของบัตรสมาชิกไทยแลนด์ อีลิท การ์ด ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติในเรื่องของการเพิ่มวงเงินในการซื้อบัตรอีลิทการ์ด ทั้งราคา 1 ล้านบาท และ 2 ล้านบาท เพื่อให้ได้รับโอกาสในเรื่องของวีซ่าระยะยาว ขณะเดียวกัน ได้เพิ่มโปรแกรมให้แก่ชาวต่างชาติที่มีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ผู้ประกอบการจะเป็นผู้มอบบัตรอีลีท การ์ดให้แก่ผู้ซื้อ ซึ่งราคาบัตรอีลีท การ์ด ทางเจ้าของโครงการจะซื้อในราคาที่กระทรวงฯ กำหนด ทั้งนี้ ในรายละเอียดจะมีการนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อรับทราบและพิจารณาต่อไป
สำหรับแนวทางของการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวในปี 2564 นั้น ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ประมาณการกับทางกระทรวงฯ จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยขั้นต่ำไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน แต่สูงสุดคงไม่เกิน 20 ล้านคนเหมือนในช่วงที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ ทุกอย่างต้องมาพิจารณาในเรื่องของวัคซีน รวมถึงสภาวการณ์ของโควิด-19 ทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน จะเกิดการระบาดของโควิด-19 รอบที่ 2 และ 3 หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตามข้อมูลที่ได้รับ ช่วงที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาประเทศไทยแล้ว 3 ครั้ง คือ ในวันที่ 20 ตุลาคม 63 เข้ามาแล้ว 39 คน ในวันที่ 26 ต.ค.เข้ามา 143 คน และในวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา เข้ามา 90 คน
"เรากำลังดูถึงว่าการที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว จะมีเกิดการติดเชื้อจากนักท่องเที่ยวหรือไม่ และหากแน่ชัดแล้วว่า ไม่มีการติดเชื้อนั้น เรา (พิพัฒน์) จะขอไปยังรัฐบาล ในเรื่องของต้องกักตัวอยู่ภายในห้อง จากเดิม 14 วัน ลงมาเหลือ 7 บวก 7 ได้หรือไม่ ทุกอย่างต้องดูที่นักท่องเที่ยวชุดแรกๆ ที่เข้ามาประเทศไทย จะมีเกิดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่"
ที่อยู่อาศัยเหลือขายภาคใต้กว่า 8.7 หมื่นลบ.
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวประมาณการทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยภาคใต้ปี 2563 และแนวโน้มปี 2564 โดยคาดว่า ณ ครึ่งหลังปี 63 จะมีที่อยู่อาศัยรอการขายจำนวน 17,688 หน่วย มีมูลค่าหน่วยเหลือขายจำนวน 84,285 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 18,118 หน่วย มีมูลค่าหน่วยเหลือขายประมาณ 87,616 ล้านบาทในครึ่งแรกปี 64
ในขณะที่อัตราดูดซับต่อเดือนของบ้านจัดสรร คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ในครึ่งหลังปี 63 และเพิ่มเป็น 2.1 ในครึ่งแรกปี 64 ส่วนอัตราดูดซับต่อเดือนของอาคารชุดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 1.5 ในครึ่งหลังปี 63 และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นร้อยละ 1.6 ในครึ่งแรกปี 64
สำหรับการเคลื่อนไหวด้านการเปิดตัวโครงการใหม่ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย คาดจะเปิดโครงการใหม่ประมาณ 1,981 หน่วยในครึ่งหลังปีนี้และเปิดใหม่อีก 2,219 หน่วยในครึ่งแรกปี 64 ทั้งนี้ จะเห็นว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 63 Total Supply ของภาคใต้ลดลงทุกจังหวัด โดยจังหวัดภูเก็ต มีการลดลงมากที่สุดร้อยละ -16.4 รองลงมาคือ จังหวัดนครศรีธรรมราช ลดลงร้อยละ -13.6 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ลดลงร้อยละ -7.5 และจังหวัดสงขลา ลดลงร้อยละ -6.8 ตามลำดับ
ขณะที่จำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 12,749 หน่วย มูลค่า 19,762 ล้านบาทในครึ่งแรกปี 64 ซึ่งประมาณการดังกล่าวอยู่ภายใต้ตัวแปรที่ยังไม่มีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา