หุ้นปิดบวก 1.92 จุด ดัชนีแกว่งแคบหลังการเมืองในประเทศยืดเยื้อ รอแผนกระตุ้น ศก.สหรัฐฯ สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ คาดตลาดคงจะแกว่งตัวหลังปรับตัวลงไปมากแล้ว ซึ่งน่าจะยืนในโซนนี้ก่อน แต่ก็มีโอกาสที่จะปรับฐานได้เหมือนกัน จากแนวโน้มการเมืองรอบนี้ที่ยืดเยื้อ
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบทั้งในแดนบวก-ลบ เช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ ต่างก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ส่วนดาวโจนส์ฟิวเจอร์สบวกได้เล็กน้อย ท่ามกลางรอคอยความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังจากที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้กำหนดเส้นตาย 48 ชั่วโมง เพื่อให้สภาคองเกรสมีเวลาเตรียมการสำหรับการผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งถ้าไม่ทันก็จะล่าช้าไปหลังการเลือกตั้ง ซึ่งก็มีโมเมนตัมของความผิดหวังได้เหมือนกัน
ส่วนบ้านเราเผชิญปัจจัยลบจากสถานการณ์การเมืองในประเทศที่อาจจะยืดเยื้อออกไป ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะลดความเสี่ยง แต่ดัชนีฯ ก็มีจังหวะรีบาวนด์ได้บ้างจาก Sentiment บวก หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไฟเขียวให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภาในวันที่ 26-27 ต.ค.นี้ เพื่อแก้วิกฤตสถานการณ์การชุมนุม
ทั้งนี้ ให้ติดตามการดีเบตครั้งสุดท้ายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับนายโจ ไบเดน คู่ท้าชิง และติดตามการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งตลาดจะอิง Sentiment จากการเมืองพอควร รวมถึงติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์งวดไตรมาส 3/63 ด้วย
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,210.67 จุด เพิ่มขึ้น 1.92 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.16% มูลค่าการซื้อขาย 59,284.65 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (21 ต.ค.) นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดคงจะแกว่งตัวหลังปรับตัวลงไปมากแล้ว ซึ่งน่าจะยืนในโซนนี้ก่อน แต่ก็มีโอกาสที่จะปรับฐานได้เหมือนกัน จากแนวโน้มการเมืองรอบนี้ที่ยืดเยื้อ พร้อมให้แนวรับ 1,200-1,180 จุด ส่วนแนวต้าน 1,230 จุด