หุ้นปิดเช้าร่วง 10.38 จุด การเมืองในประเทศกดดัน แผนกระตุ้น ศก.สหรัฐฯ ล่าช้า สำหรับแนวโน้มการลงทุนในภาคบ่าย คาดตลาดคงจะยังเคลื่อนไหวในแดนลบต่อไป โดยจะต้องติดตามการชุมนุมทางการเมืองในช่วงบ่ายนี้ที่แยกราชประสงค์จะเป็นอย่างไร กระแสจะแรงหรือไม่
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับลงไปราว 0.6% ตามตลาดสหรัฐฯ ตอบรับแรงกดดันจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อาจจะล่าช้าออกไป หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐฯ ยอมรับว่าการบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.ถือเป็นเรื่องยาก
ส่วนบ้านเราก็มีปัจจัยการเมืองที่ยังคลุมเครือกดดัน เท่าที่ดูการชุมนุมทางการเมืองรอบนี้แม้ว่าจะสู้การชุมนุมครั้งก่อนๆ ไม่ได้ แต่ก็อาจมีความยืดเยื้อ ซึ่งตลาดไม่ชอบอะไรที่ไม่ชัดเจน ทำให้นักลงทุนเลือกลดความเสี่ยงลงบ้าง ส่วนการ Action ของรัฐบาลรอบนี้ถือว่ารวดเร็วมากในการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังนั้น เมื่อตลาดต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งในและนอกประเทศ ก็ทำให้นักลงทุนขายทำกำไรออกมาบ้าง
อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้แรงซื้อประคองไว้จากหุ้นในกลุ่มพลังงานและโรงกลั่น หลังราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น จากความต้องการน้ำมันของจีนที่มีการนำเข้ามากขึ้น อย่างไรก็ดี คืนนี้ยังต้องติดตามสต๊อกน้ำมันของสหรัฐฯ ว่าจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง พร้อมให้ติดตามการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3/63 ของกลุ่มแบงก์ที่จะเริ่มทยอยออกมาช่วงปลายสัปดาหี์นี้
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,253.61 จุด ลดลง 10.38 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.82% มูลค่าการซื้อขายราว 27,373.11 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดคงจะยังเคลื่อนไหวในแดนลบต่อไป โดยจะต้องติดตามการชุมนุมทางการเมืองในช่วงบ่ายนี้ที่แยกราชประสงค์จะเป็นอย่างไร กระแสจะแรงหรือไม่ พร้อมให้แนวรับ 1,250 จุด ส่วนแนวต้าน 1,275 จุด