พีรพัฒน์ เทคโนโลยี ซื้อขายวันแรก ราคาหุ้นปิดที่ 1.46 บาท ต่ำกว่าราคาจองที่กำหนดไว้ 1.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 2.67% มูลค่าซื้อขาย 739.86 ล้านบาท ผู้บริหารคาดผลงานไตรมาส 3 ฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์ ลุ้นรัฐกระตุ้นท่องเที่ยวดันกลุ่มลูกค้าโรงแรมคึก
หุ้นของบริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PRAPAT เข้าซื้อขายเป็นวันแรก โดยเปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 1.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 6.67% จากราคาขาย IPO ที่กำหนดไว้ 1.50 บาทต่อหุ้น ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 1.83 บาท ต่ำสุดที่ 1.46 บาท เมื่อปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 1.46 บาท ลดลง 0.04 บาท คิดเป็น 2.67% มูลค่าซื้อขาย 739.86 ล้านบาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น PRAPAT เปิดเผยบทวิเคราะห์ฯ ประเมินราคาเป้าหมาย 1.85 บาท โดยคาดกำไรสุทธิปี 2563 ลดลง 62% จากปีก่อน และฟื้นเด่นเป็นบวก 103% ในปี 2564
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ฯประเมิน PRAPAT มีกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 40 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 77% จากปีก่อน กลับมาฟื้นตัวจากภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัว ทำให้ประเมินว่ารายได้กลุ่มซักรีดกลับมาฟื้นตัว 30% เทียบปีก่อน ตามด้วยรายได้จากกลุ่มครัวเรือน 25% จากปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ปรับตัวดีขึ้น จากต้นทุนที่ลดลงจากการลงทุนในระบบ SCADA ทั้งนี้ ประเมินหุ้น PRAPAT ด้วยราคาเหมาะสมปี 2564 ที่ 2.00 บาท (อิง 2564E PER 17x)
ทั้งนี้ PRAPAT มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ในการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำยาซักรีด น้ำยาทำความสะอาดและฆ่าเชื้อสำหรับภาคอุตสาหกรรม นำเข้าเพื่อจำหน่ายและให้เช่าเครื่องล้างภาชนะอัตโนมัติ นำเข้าและจำหน่ายสระว่ายน้ำสำเร็จรูป และอุปกรณ์ที่ใช้ในสระว่ายน้ำ รวมทั้งให้บริการแบบครบวงจรเกี่ยวกับน้ำยาทำความสะอาด และฆ่าเชื้อสำหรับภาคอุตสาหกรรม (Hygiene Cleaning Solution) ซึ่งบริษัทได้ลงทุนระบบ SCADA เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและยังสามารถช่วยลดต้นทุนได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังได้ขยายคลังสินค้าและสร้างโชว์รูม เพื่อเป็นช่องทางในการติดต่อลูกค้าโดยตรงและเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วง 2564
นายวีระพงค์ ลือสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PRAPAT เปิดเผยว่า หุ้น PRAPAT เข้าซื้อขายวันแรกมีราคาเปิดที่ 1.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 6.67% จากราคาจองที่ 1.50 บาท ซึ่งรู้สึกพึงพอใจจากการตอบรับของนักลงทุนที่ยังให้ความสนใจกับหุ้นของบริษัทอย่างดีท่ามกลางความผันผวนของตลาดฯ
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะนำเงินไปใช้ในการลงทุนขยายกิจการกลุ่ม Cleaning Hygiene Solutions ประกอบด้วย การเปิดโชว์รูม เพื่อวางขายสินค้าประเภทที่เครื่องใช้ในครัวเรือน และน้ำยาทำความสะอาดภายใต้แบรนด์ PEERAPAT มูลค่าลงทุน 10 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังนำไปใช้ด้านการพัฒนาระบบบัญชีและระบบควบคุมการผลิต และการลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าเพิ่มเติม ซึ่งกลุ่มบริษัทมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจน้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาฆ่าเชื้อ ซึ่งบริษัทมุ่งเน้นตลาดธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มกำลังเติบโต ขณะเดียวกัน บริษัทก็มีแผนเจาะกลุ่มลูกค้าประเภทอุตสาหกรรมร้านอาหารและเครื่องดื่มมากขึ้นเพื่อจำหน่ายและให้เช่าเครื่องล้างจาน โดยปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่าย 5 ประเทศ คือ กัมพูชา เวียดนาม พม่า ลาว และอินโดนีเซีย
โดยไตรมาส 3 นี้ บริษัทมองเห็นแนวโน้มของรายได้ที่ฟื้นตัวขึ้น ภายหลังคลายล็อกดาวน์ แต่หวังมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวที่จะดึงให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา หนุนกลุ่มโรงแรมสามารถดำเนินธุรกิจและเดินหน้าไปได้ เป็นการเยียวยาในหลายภาคส่วน ซึ่งต้องดูมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐบาลเข้ามาช่วย
อย่างไรก็ตาม ภายหลังขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 100 ล้านหุ้น โดยจัดสรรให้แก่ประชาชนทั่วไป 90 ล้านหุ้น ที่เหลือเสนอขายกรรมการ ผู้บริหาร หรือพนักงานของบริษัทหรือบริษัทย่อย (ESOP) 10 ล้านหุ้น ซึ่งบริษัทได้เงินระดมทุนราว 150 ล้านบาทนั้น จะทำให้ฐานทุนของบริษัทเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.2 เท่า จากเดิมอยู่ที่ 1.8 เท่า ซึ่งบริษัทมีนโยบายจะควบคุมไม่ให้เกิน 2 เท่า
