NOBLE เตรียมออกและเสนอขายหุ้นประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ จำนวน 1 รุ่น อายุ 2 ปี 5 เดือน 5 วัน ซึ่งหุ้นกู้ได้รับจัดเรตติ้งระดับ BBB รองรับแผนการครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นเดิม พ.ย.นี้ สำรองเงินทุนหมุนเวียนบริษัท เผยไตรมาส 3 ยอดขายแบรนด์ 'นิว โนเบิล' 3 โครงการยอดขายได้กว่า 40-60% ต่อโครงการ
นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (NOBLE) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล เพื่อขออนุญาตและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว โดยเป็นประเภทหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ อายุ 2 ปี 5 เดือน 5 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.25% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณทุก ๆ 100,000 บาท คาดว่าจะเสนอขายภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
"การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อชำระคืนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนพฤศจิกายน 2563 และสำรองสำหรับเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท โดยทางบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ BBB แนวโน้ม “Stable” โดยปรับขึ้นจากแนวโน้ม “Negative” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2563ที่ผ่านมา"
สาเหตุหลักที่ได้ปรับแนวโน้มเป็น Stable หรือ คงที่ เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมา ทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์โควิด-19 โดยบริษัทฯ ทยอยเปิดโครงการใหม่ในปีนี้เป็นจำนวน 5 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 10,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ได้เปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3 โครงการ ได้แก่ นิว โนเบิล งามวงศ์วาน นิว โนเบิล รัชดา-ลาดพร้าว และนิว โนเบิล ไฟฉาย-วังหลัง ซึ่งสร้างยอดขายได้กว่า 40-60% ในแต่ละโครงการ เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มเรียลดีมานด์ที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้ทยอยขายและโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการคอนโดที่สร้างเสร็จ เช่น โนเบิล เพลินจิต โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2 เป็นต้น โดยบันทึกยอดขายได้กว่า 2,800 ล้านบาท ส่งผลดีต่อการรับรู้รายได้และสภาพคล่องที่แข็งแกร่งให้แก่บริษัทฯ อีกด้วย
โดยในงวด 6 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวม 4,023 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 714 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจะทำรายได้ในปี 2563 ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดที่สร้างเสร็จแล้วและโครงการที่เพิ่งสร้างเสร็จ เช่น โนเบิล บี ไนน์ทีน สุขุมวิท 19 โนเบิล อราวน์ สุขุมวิท 33 และนิว โนเบิล แจ้งวัฒนะ ที่มีมูลค่ารวมกันกว่า 5,000 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยจากผลกระทบของโควิด-19 เนื่องจากโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทฯ เป็นที่ยอมรับในตลาด ขณะที่ความแข็งแกร่งของ NOBLE ยังสะท้อนได้จากอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ที่ระดับ BBB ซึ่งตอกย้ำสถานะของบริษัทฯ ในการเป็นที่ยอมรับว่าเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย