“พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง” ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 140 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท พร้อมเทรดใน mai โดยมีบริษัท คันทรี่ กรุ๊ป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน หวังระดมทุนใช้ลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ รองรับการเติบโตของบริษัท
นายพงศ์เทพ รัตนแสงสรวง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PROS ผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร เปิดเผยว่า พรอสเพอร์ฯ ได้ยื่นแบบคำขอเพื่อเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยบริษัทฯ กำหนดจะเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 140 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท จะทำให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 270 ล้านบาท จากเดิม 200 ล้านบาท
สำหรับวัตถุประสงค์หลักในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในครั้งนี้ เพื่อต้องการระดมทุนนำเงินไปใช้ลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคต อีกทั้งเป็นการยกระดับมาตรฐานของบริษัทเข้าสู่มาตรฐานสากล เพิ่มความน่าเชื่อถือในด้านภาพลักษณ์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้าและคู่ค้า รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
PROS เป็นหนึ่งในผู้นำด้านงานรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารของประเทศรายใหญ่รายหนึ่งที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการทำงานมาอย่างยาวนาน โดยตลอดระยะเวลา 24 ปีที่ผ่านมา บริษัทมุ่งเน้นการให้บริการที่มีคุณภาพ การดูแลและเอาใจใส่ลูกค้าแต่ละโครงการอย่างใกล้ชิด การตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ตลอดจนการส่งมอบงานที่มีมาตรฐานและคุณภาพภายในระยะเวลาที่ลูกค้ากำหนด ด้วยทีมผู้บริหารและทีมงานที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของโครงการให้ดำเนินงานติดตั้งระบบวิศวกรรมประกอบอาคารมาอย่างต่อเนื่อง
โดยฐานลูกค้าหลักของบริษัทกระจายอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ห้างสรรพสินค้า อาคารชุดพักอาศัย ศูนย์กระจายสินค้าโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา PROS มุ่งเน้นพัฒนาด้านงานการบริการก่อสร้างที่มีคุณภาพและการส่งมอบงานตรงเวลาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า จนทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ และกลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai บริษัทฯ คาดว่าจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์และเป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต นอกจากนั้น การเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานของบริษัทฯ ให้เป็นมาตรฐานสากล เพิ่มความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้าและคู่ค้า พร้อมเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ในฐานะบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินกิจการภายใต้หลักบรรษัทภิบาล มีความยั่งยืนและมีความโปร่งใส รวมทั้งการต่อยอดด้านการพัฒนาบุคลากรซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเติบโตของบริษัทฯ
ในสถานการณ์โควิด-19 มีผลทำให้ลูกค้าของบริษัทฯ บางโครงการมีการชะลอแผนงานการก่อสร้างออกไปในช่วงต้นปี และจะมีการกลับมาก่อสร้างและทยอยรับรู้รายได้ในช่วงเวลาที่เหลือต่อจากนี้ สำหรับการรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างและรายได้จากงานบริการงวด 6 เดือนแรกปี 2563 ส่วนใหญ่เป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่บริษัทได้เซ็นสัญญาก่อสร้างในปี 2563 เช่น โครงการ DECATHLON BANGYAI, SIGMA PLASTIC ASIA, MEGA BANGNA FOODWALK RENOVATION เป็นต้น ในขณะที่งวด 6 เดือนแรกปี 2563 บริษัทย่อยมีโครงการก่อสร้างงานโยธาที่สำคัญ ได้แก่ โครงการ ALS-LABORATORY BUILDING AND BUILDING SYSTEM, DOW-NEW HVACFOR MTP LAB BUILDING และ GCME-POLYMER COMPLEX PP3 ซึ่งเป็นโครงการที่เซ็นสัญญาก่อสร้างในช่วงปลายปี 2562 ถึงต้นปี 2563 ที่จะสนับสนุนการรับรู้รายได้ของบริษัทฯ อย่างมั่นคงในระยะยาว