นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า กลยุทธ์การลงทุนในปี 64 ต้องสอดคล้องต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกที่มองว่าอาจจะเป็นลักษณะ Double Dip หรือมีโอกาสที่เศรษฐกิจจะถดถอยซ้ำอีกจากการระบาดของโควิด-19 รอบสอง ดังนั้น การกระจายสินทรัพย์เพื่อลงทุน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารสินทรัพย์ เพื่อคงการรักษาผลตอบแทน จะเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุดสำหรับการลงทุนในปีหน้า
ทรีนีตี้ ให้น้ำหนักลงทุนหุ้นไทย 10-20% เน้นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นจีน-เวียดนามรวมกัน 10% โดยลงทุนในตลาดหุ้นที่พัฒนาแล้ว 10-20% เนื่องจากระดับ P/E ใกล้เคียงกับตลาดเกิดใหม่ และอีก 5-10% ลงทุนในทองคำ ขณะที่ 1-5% ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก ส่วนอีก 35% ถือเป็นเงินสด เพื่อสร้างโอกาสที่ดีให้กลงทุนในจังหวะตลาดปรับตัวลดลง
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจกรณีมีการระบาดรอบสองของโควิด-19 ทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 64 จะเติบโตต่ำกว่า 1% จากเดิมคาดการณ์โตมากกว่า 4% ผลกระทบจากโควิด-19 จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างช้าๆ ต้องใช้เวลาจนถึงปี 67 ถึงจะเติบโตได้ 2% ส่วนผลกระทบที่เกิดกับตลาดหุ้นไทยจะเห็นตลาดหุ้นปรับลดลงในไตรมาส 1/64 ก่อนที่จะฟื้นตัวในไตรมาส 2 ปีหน้า เนื่องจากฐานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ติดลบในไตรมาส 2 ปีนี้
"ปี 62-63 สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงอันดับต้นๆ คือดัชนี NASDAQ ให้ผลตอบแทน 35% ในปี 62 และ 20% ในปี 63 บิทคอยน์ ให้ผลตอบแทน 95% ในปี 62 และ 46% ในปี 63 ทองคำในรูปดอลลาร์สหรัฐ ให้ผลตอบแทน 18% ในปี 62 และ 25% ในปี 63 หุ้นจีน ให้ผลตอบแทน 22% ในปี 62 และ 7% ในปี 63 แต่หุ้นไทยให้ผลตอบแทน 1% ในปี 62 และ -20% ในปี 63" นายวิศิษฐ์ กล่าว
นายวิศิษฐ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่ไตรมาส 4 ของปีนี้ การลงทุนอาจจะผันผวนมากๆ เนื่องจากฟันด์โฟลว์โลกอาจจะรอความชัดเจนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นักลงทุนอาจจะเลือกหุ้นที่มีลักษณะ Defensive สินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงระยะเวลาดังกล่าว แต่คาดว่าตลาดหุ้นไทยและกลุ่ม Emerging Market อาจจะได้ผลบวกจากการมีความชัดเจนขึ้นของนโยบายประเทศทางฝั่งตะวันตก ภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
สำหรับการลงทุนในหุ้นเวียดนาม มีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ในแบบ V Shape คาดการณ์ GDP เติบโต 2.7-3% ในปีนี้ และกว่า 6-8% ในปี 64 ขณะที่ช่วงเกิดสถานการณ์โควิด-19 GDP ของหลายประเทศติดลบ แต่ค่าเงินดองเวียดนามหรือ Vietnamese Dong ที่มีเสถียรภาพมากขึ้นกว่าในอดีต ทุนสำรองระหว่างประเทศของเวียดนามสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ขณะเดียวกัน เวียดนามกำลังจะขยับขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในดัชนี MSCI Frontier composite ในปี 64 จะส่งผลดีกับเงินทุนที่ไหลเข้าตลาดหุ้นช่วงปลายปีนี้
นอกจากนี้ กฎหมายและเกณฑ์ใหม่ๆ ที่กำลังมีผลบังคับใช้จะช่วยให้นักลงทุนต่างประเทศเข้าถึงตลาดหุ้นเวียดนามได้ง่ายขึ้น และมีโอกาสที่เข้า MSCI Emerging Market ในกลางปี 65 โดยจังหวะเหมาะสมในการลงทุนหุ้นเวียดนาม เริ่มลงทุนตั้งแต่เดือน ต.ค.ถึง พ.ย.นี้ ซึ่งอาจจะใช้ Dollar Cost Average เพื่อบริหารต้นทุน
นอกจากนี้ ทรีนีตี้ ยังเปิดให้บริการลงทุนในกองทุนหุ้นเวียดนาม Trinity SSI-SCA กองทุนรวมต่างประเทศสัญชาติเวียดนามที่ลงทุนในหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Ho Chi Minh Stock Exchange และ Hanoi Stock Exchange และบริหารโดยผู้จัดการกองทุนชาวเวียดนาม จึงไม่ถูกจำกัดเรื่องสัดส่วนโควตาการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ