xs
xsm
sm
md
lg

"ศิรกร" เทรดวันแรกเปิดเหนือจอง 100%

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ศิรกร" เปิดเทรด 1.60 บาท หรือ 100% จากราคาไอพีโอ 0.80 บาท ชูศักยภาพความโดดเด่น และข้อได้เปรียบในการมีโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีตที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมส่งซิก ธุรกิจโตตามการเติบโตการขยายนโยบายการใช้พลังงานภายในประเทศ ด้านผู้บริหาร “ภากร ตั้งนุกูลกิจ” จ่อนำเงินระดมทุนเพิ่มสภาพคล่องเงินทุนหมุนเวียน

นายภากร ตั้งนุกูลกิจ กรรมการบริษัทและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศิรกร จำกัด (มหาชน) หรือ “SK” เปิดเผยว่า วันนี้ (8 ต.ค.) หุ้น “SK” เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรกเปิดทำการซื้อขายที่ระดับ 1.60 บาท เพิ่มขึ้น 100% จากราคา IPO ที่ 0.80 บาทในหมวดวัสดุก่อสร้าง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยพิจารณาจากช่วงเปิดเสนอขายหุ้นไอพีโอ ระหว่างวันที่ 28-30 กันยายนที่ผ่านมา หุ้น “SK” ได้กระแสตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก ซึ่งถือว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ดีของหุ้นไอพีโอน้องใหม่

สำหรับศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะจุดเด่นของ SK ที่ได้เปรียบผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมประเภทเดียวกัน คือการที่บริษัทฯ มีโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีต จำนวน 6 แห่ง เช่น กาฬสินธุ์ ชลบุรี ชัยนาท ลำปาง สุราษฎร์ธานี และสงขลา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่การจำหน่ายทั่วประเทศ ทำให้ได้เปรียบด้านต้นทุนการขนส่ง และมีการบริหารจัดการต้นทุนวัสดุก่อสร้างในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างได้อย่างดี ประกอบกับบริษัทฯ ยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้แก่คู่ค้ารายอื่นๆ ที่มีความต้องการในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวได้ ซึ่งทำให้เป็นการเพิ่มยอดขายในส่วนของการขายผลิตภัณฑ์คอนกรีตได้ต่อเนื่อง

นอกจากนี้ กรรมการบริษัทและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ “SK” ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงโอกาสการเติบโตในอนาคตว่า บริษัทฯ วางกลยุทธ์การเติบโตผ่านธุรกิจรับเหมาเฉพาะทางเป็นหลัก ทั้งธุรกิจรับเหมา งานสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า รวมถึงธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโยธา โดยคาดว่าจะได้รับผลเชิงบวกตามแผนการเร่งลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวตามการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยเฉพาะธุรกิจรับเหมางานด้านไฟฟ้าซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว ทำให้สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสการเติบโต ตามยุทธศาสตร์ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)

ขณะเดียวกัน แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (Power Development Plan : PDP) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในการเพิ่มการเข้าถึงและเพิ่มประสิทธิภาพระบบไฟฟ้าของประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ดำเนินงานรับเหมาสายส่งขนาด 230 KV ผ่าน Consortium โดยหลังจากที่โครงการดังกล่าวเสร็จสิ้น บริษัทฯ คาดจะสามารถเข้าประมูลงานขนาด 230 KV ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องผ่าน Consortium ทำให้เปิดโอกาสในการรับงานมากขึ้นในอนาคต

“SK เตรียมประมูลงานรับเหมาระบบสายส่ง ขนาด 230 KV ของ กฟผ. มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท หลังจากที่โครงการ Consortium เสร็จสิ้น ซึ่งในแต่ละปี กฟภ. และ กฟผ. มีการขยายสายส่งไฟฟ้าตามแผนยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนาประเทศด้านพลังงานของประเทศไทย และคาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จะสามารถเข้าประมูลงานขนาดใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะงานรับเหมาระบบสายส่ง ขนาด 500 KV”

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับแผนการขยายงานในธุรกิจโดยเฉพาะการประมูลงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น งานรับเหมาก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า เพื่อเป็นการขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้ และยังเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าร่วมประมูลงานตามแผนลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ไฟฟ้าของการไฟฟ้าภูมิภาค การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ซึ่งธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงโดยเฉพาะเสาไฟฟ้าและธุรกิจรับเหมาสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้าขนาด 115 KV จะได้อานิสงส์ควบคู่ไปด้วย

ส่วนทิศทางในครึ่งปีหลัง มองว่า ภาพรวมของบริษัทฯ จะกลับมาฟื้นตัวเนื่องจากยังมีงานที่รอการส่งมอบอีกกว่า 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่างานในมือ (Back log) เกือบ 160 ล้านบาท ซึ่งทยอยรับรู้เกือบทั้งหมดภายในปีนี้ รวมถึงโครงการใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ พร้อมทั้งยังประเมินการเติบโตต่อเนื่อง ในปี 2564 โดยตั้งเป้าเติบโตเฉลี่ย 15-20% และคาดว่าจะคว้างานใหม่เข้ามาได้ไม่ต่ำกว่า 400-500 ล้านบาท โดยเชื่อว่าภาคการลงทุนจะกลับมาฟื้นตัว

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวว่า บมจ.ศิรกร (SK) กล่าวในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินว่า การเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ของ SK ในวันนี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน และเชื่อมั่นว่าธุรกิจมีศักยภาพการเติบโตอย่างโดดเด่น ประกอบกับหากพิจารณาจากศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ จะเห็นได้ว่า “SK” เป็นธุรกิจรับเหมาเฉพาะทางด้านผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสาไฟฟ้าและเสาเข็มคอนกรีตอัดแรง รวมถึงให้บริการรับเหมาก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า และงานรับเหมาก่อสร้างโยธา ประกอบกับการที่กลุ่มบริษัทฯ มีประสบการณ์ในกลุ่มอุตสาหกรรม ยาวนานกว่า 30 ปี ทำให้การันตีที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพความเชื่อมั่นของกลุ่มลูกค้า ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)

อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยดังกล่าวทำให้เห็นถึงศักยภาพ ความแข็งแกร่ง รวมถึงการเติบโต ของธุรกิจในอนาคต โดย “SK” ถูกจัดเป็นหุ้น Growth Stock ที่สร้างผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน ขณะเดียวกัน ยังเป็นหุ้น Dividend Stock ด้วยเช่นเดียวกัน ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการจ่าย ปันผล โดยหากพิจารณาในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา “SK” มีความสามารถในการจ่ายปันผลไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่านโยบายปันผลของบริษัทฯ ที่จ่ายไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิทำให้เห็นได้ว่า “SK” เป็นหุ้นที่น่าจับตาอีกหนึ่งตัวในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ


กำลังโหลดความคิดเห็น