MTS Gold เน้นกลยุทธ์เชื่อมต่อโลกการลงทุนด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เสริมทัพสินค้า และบริการที่เพิ่มโอกาสทางการลงทุนในต่างประเทศ และรองรับการลงทุนทุกรูปแบบ เพื่อให้การลงทุนไร้พรมแดนมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด พร้อมเพิ่มศักยภาพการเป็นผู้นำด้านการลงทุนที่ครบวงจรและทันสมัย ด้วยรางวัลการันตีจาก Shanghai Gold Exchange (SGE)
นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ MTS Gold แม่ทองสุก เปิดเผยว่า ปัจจุบันนักลงทุนมีช่องทางและโอกาสในการลงทุนที่หลากหลาย ทั้งในและต่างประเทศ ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าล้ำสมัย ทำให้มีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค Digital Transformation ที่การลงทุนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนมากขึ้น จนทำให้เกิดเป็นโลกการลงทุนที่ไร้พรมแดน ด้วยเหตุนี้ MTS Gold จึงเล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้น 3 กลยุทธ์เพื่อเพิ่มศักยภาพการเป็นผู้นำด้านการลงทุนที่ครบวงจรและทันสมัย
1.พัฒนาเทคโนโลยีต่อเนื่อง โดยบริษัทได้พัฒนาระบบ Blockchain ให้รองรับความต้องการลงทุนที่หลากหลายและครบวงจร เพิ่มศักยภาพด้านความปลอดภัยสูงสุดให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทยังนำเทคโนโลยี AI และ BIG DATA เข้ามาวิเคราะห์และประมวลผลสัญญาการซื้อขายสินค้าในตลาดอนุพันธ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุนด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์นักลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.การเชื่อมต่อตลาดทองคำไทยและตลาดการลงทุนในต่างประเทศ ด้วยความร่วมมือ และการหาพันธมิตรตลาดต่างประเทศ ที่จะสามารถขยายการลงทุนด้วยผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ มีตลาดรองรับที่น่าเชื่อถือ และเป็นสากล เพื่อยกระดับนักลงทุนไทยให้มีโอกาสการลงทุนสินค้าในตลาดสากลทั่วโลก
3.เตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลง บริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสและการลงทุนที่สอดรับกับนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะเปิดเสรีด้านการลงทุนในทองคำผ่านระบบออนไลน์ด้วยสกุลเงินอื่นๆ เช่น ดอลลาร์สหรัฐ หรือเงินหยวน ผ่านบัญชี FCD ซึ่งบริษัทได้เตรียมความพร้อม และสามารถดำเนินการได้ทันที หาก ธปท.ประกาศนโยบายชัดเจนเรียบร้อยแล้ว
“MTS Gold พัฒนาทุกด้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายช่องทางการลงทุน เพิ่มโอกาสและทางเลือกให้ลูกค้า และที่สำคัญคือ การสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าถึงความเป็นผู้นำด้านการลงทุนที่ครบวงจรและทันสมัย จนได้รับรางวัลจาก Shanghai Gold Exchange (SGE) ซึ่งจะเป็นเครื่องการันตีถึงความเป็นโบรกเกอร์ไทยในระดับสากล” นายณัฐพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับตลาดชั้นนำทั่วประเทศ เช่น ตลาดอนุพันธ์ของสหรัฐอเมริกา (CME) ตลาดค้าทองคำเซี่ยงไฮ้ (SGE) และตลาดฮ่องกง ซึ่งนักลงทุนสามารถซื้อขายสินค้าและอนุพันธ์ชั้นนำของตลาดได้ เช่น ทองคำ Comex, ซิลเวอร์ Comex, น้ำมัน Nymex, FX Futures รวมไปถึงดัชนีสหรัฐฯ 3 ตัวหลัก ทั้ง Dow Jones, S&P500 และ Nasdaq
ล่าสุด บริษัทออกผลิตภัณฑ์ MTS Gold Blockchain (MGB) การออมทองคำออนไลน์ด้วยระบบ Blockchain ที่สามารถเริ่มออมได้ขั้นต่ำเพียง 150 บาท ซึ่งเป็นทางเลือกสำหรับผู้เริ่มต้นสนใจลงทุนในทองคำ พร้อมด้วยการพัฒนาระบบในการเพิ่มทางเลือกให้สามารถรองรับการจัดส่งได้ทั่วประเทศไทย จึงได้รับความสนใจจากนัลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันมีบัญชีออมทองทั้งสิ้น 10,000 บัญชี และมียอดการซื้อขายมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา บริษัทมองเห็นโอกาสบนแพลตฟอร์มออนไลน์ จากพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป จึงได้เพิ่มช่องทางการขายทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ และ สินค้าทองประเภทต่างๆ ผ่านทาง SHOPEE, LAZADA , JD CENTRAL ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เนื่องจากมียอดขายเป็นที่น่าพอใจ พร้อมกับสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าผ่านการร่วมมือกับบริษัทขนส่งรายใหญ่ จึงทำให้คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2564
“จะเห็นได้ว่าในปีนี้เรามีการพัฒนาระบบออนไลน์ให้ครอบคลุม และร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ในหลายส่วนให้มีความครบวงจรยิ่งขึ้น ซึ่งในอนาคตเราคาดหวังว่าจะมีการเพิ่มช่องทางออนไลน์หลากหลายมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทั่วถึง” นายณัฐพงศ์ กล่าวเพิ่มเติม