สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้สำรวจความเห็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์และผู้จัดการกองทุนครั้งล่าสุด โดยส่วนใหญ่ประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นปลายปีนี้ที่ระดับ 1,300 จุด ลดลงจากผลสำรวจครั้งก่อนเมื่อไตรมาสที่ 3 ซึ่งประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นปลายปีที่ระดับ 1,383 จุด
ปัจจัยในเชิงบวกกับตลาดหุ้นช่วงปลายปีนี้ ความเห็นจากผลสำรวจส่วนใหญ่ให้น้ำหนักกับมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือคิวอีของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ส่วนปัจจัยลบที่สำคัญคือ สถานการณ์การเมืองในประเทศ การเมืองต่างประเทศ การแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19” เศรษฐกิจในประเทศและการขายของต่างชาติ
ดัชนีหุ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ปิดที่ 1,237.54 จุด ซึ่งถ้าสิ้นปีนี้ดัชนีฯ ขึ้นไปแตะระดับ 130 จุดได้ ในระยะเวลาอีกเกือบ 3 เดือน ดัชนีหุ้นมีช่องว่างที่จะขยับขึ้นไปอีกประมาณ 63 จุด หรือประมาณ 5% เท่านั้น
แต่ ดัชนีฯ ปลายปีจะวิ่งไปสู่เป้าหมาย 1,300 จุดได้หรือไม่
ทิศทางตลาดหุ้นในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ยังทำนายไม่ง่ายนัก เพราะมีปัจจัยตัวแปรหลายด้าน ทั้งสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังแพร่ระบาดลุกลามอย่างน่ากลัวในหลายประเทศ และแม้ว่าประเทศไทยยังควบคุมได้ดี แต่ถ้าหลายประเทศยังวิกฤตอยู่ ไทยต้องได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอยู่ดี
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ยังต้องจับตา เพราะการอยู่ต่อหรือไปของนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีผลต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นนักลงทุนทั่วโลก
ส่วนการเมืองในประเทศไม่นิ่ง ความเคลื่อนไหวของม็อบยังไม่สงบเสียทีเดียว โดยเฉพาะในเดือนตุลาคมนี้ ยังกังวลกับความวุ่นวายทางการเมืองอยู่ ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศยังไม่มีสัญญาณในเชิงบวก
ผลสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์และผู้จัดการกองทุนประเมินว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีปีนี้ จะหดตัวลงเฉลี่ย 7.81% ขณะที่ ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนจะลดลงเฉลี่ย 37% และเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการหั่นเป้าดัชนีหุ้นปี 2563 ลง
แม้ประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นปลายปี ตัวเลขเฉลี่ยที่สมาคมนักวิเคราะห์ฯ รวบรวมจะอยู่ที่ 1,300 จุด แต่มีโบรกเกอร์หลายแห่งที่ทำนายว่า ปลายปีดัชนีหุ้นจะปิดที่ 1,200 จุดหรือต่ำกว่าเหมือนกัน ซึ่งหมายถึง ดัชนีสิ้นปีนี้ จะปิดระหว่าง1,200-1,300 จุด
ถ้าโค้งสุดท้ายมีปัจจัยลบเข้ามากระทบอีก ดัชนีหุ้นมีสิทธิถอยไปที่ระดับ 1,200 จุด หรือต่ำกว่าได้เหมือนกัน แต่ถ้ามีปัจจัยบวก ดัชนีหุ้นสามารถวิ่งขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,300 จุดหรือมากกว่า
ปัจจัยบวกที่นักลงทุนทั้งโลกกำลังเฝ้ารอคือ การผลิตวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส “โควิด-19” แต่ยังเป็นเพียงความหวังเท่านั้น ส่วนข่าวดีอื่นๆ มองไม่เห็น ขณะที่ปัจจัยลบมีรอบด้าน
ช่องว่างในการทำกำไรจากตลาดหุ้นช่วงไตรมาสสุดท้ายยังไม่เปิดกว้างนัก แต่ความเสี่ยงสูง จึงอาจไม่คุ้มที่นักลงทุนจะเสี่ยง
คำแนะนำของสมาคมนักวิเคราะห์ฯ สำหรับการจัดพอร์ตการลงทุนคือ แบ่งเงินลงทุนในตลาดหุ้นเพียง 20% ของวงเงินลงทุนทั้งหมด ซึ่งหมายความว่า ในพอร์ตการลงทุน ควรจะมีหุ้นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้น ปัจจุบันช้อนหุ้นเก็บเข้ามาเต็มพอร์ตหรือเกินครึ่งพอร์ตกันทั้งนั้น
อีกไม่ถึง 3 เดือน จะปิดฉากตลาดหุ้นปี 2563 แล้ว ถ้าคำทำนายของกูรูหุ้นที่สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์สำรวจเป็นจริง
ดัชนีหุ้นจบที่ระดับ 1,300 จุดได้จริง น่าจะเป็นสิ่งที่นักลงทุนควรพอใจแล้ว ในยามที่ตลาดหุ้นยังไม่แน่ไม่นอน
