อีซี่ มันนี่ เผยยอดธุรกรรมเริ่มกลับหลังลดลง 20-30% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี คาดทั้งปีทรงตัว พร้อมจัดงบ 20 ล้าน เปิดแอปพลิเคชันหนุนช่องทางออนไลน์รับนิว นอร์มอล แนะรัฐขยายวงเงินรับจำนำช่วยเอสเอ็มอีได้มากขึ้น
นายสิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตั้งธนสิน จำกัด ผู้ให้บริการโรงรับจำนำอีซี่ มันนี่ กล่าวว่า ยอดธุรกรรมของอีซี่ มันนี่ในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้ลดลงบ้างตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากสถานการณ์โควิด-19 โดย 1-6 เดือนแรกของปีมียอดธุรกรรมลดลง 20-30% แต่หลังจากคลายล็อกหลังเดือน 6 เป็นต้นมา ยอดธุรกรรมเริ่มกลับเข้าสู่ระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยอดธุรกรรมทั้งปีคาดว่าจะทรงตัว ขณะที่รายได้หลักยังมาจากรายได้ดอกเบี้ยโดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมาที่ราคาทองคำสูงขึ้นมา จึงมีลูกค้ามาไถ่ถอนเป็นจำนวนมาก ส่วนรายได้จากการขายทรัพย์หลุดจำนำจะเพิ่มขึ้นในช่องทางออนไลน์ซึ่งสอดคล้องกับ New Nomal ในช่วงโควิด-19
สำหรับลูกค้ากลับเข้ามาใช้บริการ จะมีทั้งในส่วนของพนักงานประจำ และผู้ประกอบการที่ขาดสภาพคล่อง ขณะที่ยอดสินทรัพย์หลุดจำนำก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยหากไม่รวมการไถ่ถอนทองคำจะอยู่ในระดับ 6% จากปีก่อนที่ 5% แต่ยอดไถ่ถอนทองคำมียอดเพิ่มขึ้นจากราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา อีซี่ มันนี่ก็ได้มีการผ่อนผันเลื่อนชำระดอกเบี้ยจากเดิมที่ไถ่ถอน 5 เดือน เป็น 6 เดือน เริ่มตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์-31กรกฎาคม 2563 เพื่อแบ่งเบาภาระลูกค้า โดยปัจจุบันสัดส่วนลูกค้ารายย่อยคิดเป็น 75% และที่เหลือเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
"ภาพที่คนเริ่มกลับเข้ามาสะท้อนให้เห็นถึงเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ทำให้ผู้ประกอบการที่กลับมาเปิดธุรกิจได้อีกครั้งก็ต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลได้สนับสนุนให้มีการท่องเที่ยวภายในประเทศ และสถานที่ท่องเที่ยวรอบๆ กรุงเทพฯ ก็ได้รับผลดีไปก่อน อย่างที่เห็นได้ชัดก็พัทยา แถบนิคมอุตสาหกรรม จึงอยากให้มีมาตรการช่วยเหลือกระจายไปยังจังหวัดอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วย รวมถึงขยายวงเงินหน้าตั๋วจำนำจากไม่เกิน 100,000 บาท เป็น 2-3 ล้านบาท เพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เช่น ทอง ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีสภาพคล่องดีขึ้นในสถานการณ์ที่จำเป็น"
ล่าสุด บริษัทได้พัฒนาแอปพลิเคชัน "Easy Smart" เมื่อต้นปี 2563 เพื่อช่วยในเรื่องการส่งดอกเบี้ยออนไลน์ อีกทั้งตอบรับนโยบาย Social Distancing ของรัฐบาล ซึ่งนอกจากจะลดความเสี่ยงในการแพร่และรับเชื้อโรคในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดโควิด-19 แล้ว ยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของลูกค้าในระยะยาวอีกด้วย โดยปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดแล้วประมาณ 60,000 ราย จากจำนวนลูกรวมหลักแสนราย
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทดำเนินกิจการมาครบ 15 ปี มีสาขาทั้งสิ้น 54 สาขา และมีเป้าหมายเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่งในปีนี้ และร้าน Easy Money Shop ร้านขายสินค้ามือสอง จำนวน 2 ร้าน ใน 30 จังหวัดครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ได้แก่ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคใต้ นอกจากนี้ ได้เปิดตัว เข้ม หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล Brand Ambassador เป็นรายแรกของธุรกิจโรงรับจำนำอีกด้วย