ศูนย์ข่าวต่างประเทศรายงานล่าสุดได้รับการยืนยันจากทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งนับเป็นข่าวใหญ่ และเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ชี้อาการป่วยอาจไม่ส่งผลต่อคะแนนนิยมในการลงชิงตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ และประเมินว่า เฟดน่าจะรอติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีว่าจะสิ้นสุดลงด้วยความเรียบร้อย หรือเกิดประเด็นทางการเมืองยืดเยื้อในช่วงหลังจากนั้นจนมีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การยืนยันผลการติดโควิด-19 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่น่าจะมีผลต่อคะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ในการเลือกตั้งรอบนี้ เนื่องจากในศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในรอบนี้เป็นการสู้กันของ 2 พรรคการเมืองที่มีนโยบายและจุดยืนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้น ประชาชนอเมริกันซึ่งมีพรรคการเมืองที่ตนเองชื่นชอบอยู่แล้วก็คงไม่เปลี่ยนการตัดสินใจ
ขณะที่คาดว่า ผลการดีเบตรอบแรกที่สิ้นสุดลงไปแล้วระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ กับนายโจ ไบเดน อาจทำให้ประชาชนอเมริกันซึ่งอยู่ในกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจมีความโน้มเอียงคะแนนไปให้แก่นายโจ ไบเดน มากขึ้น นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้น้อยมากที่ผู้สนับสนุนนายโจ ไบเดน ของพรรคเดโมแครตจะเปลี่ยนใจมาสนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ด้วยเหตุผลในเรื่องความห่วงใยในสุขภาพของนายโดนัลด์ ทรัมป์
นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยว่าจะมีการเลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกไปด้วยประเด็นด้านสุขภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยจากประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องมีการเลื่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีมาก่อน
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาตามกฎหมายแล้ว การกำหนดวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของทำเนียบขาวหรือประธานาธิบดี แต่จะอยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของสภาคองเกรสทั้ง 2 สภา ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า พรรคเดโมแครตซึ่งครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรคงคัดค้านข้อเสนอให้มีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป
ขณะที่ตลาดเงิน-ตลาดทุนรับข่าวนี้ด้วยภาพความปั่นป่วน สินทรัพย์เสี่ยงเผชิญแรงขาย ขณะที่เงินดอลลาร์มีทิศทางปะปน (เงินดอลลาร์ร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับเงินเยน แต่ก็แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ) แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ประเด็นด้านสุขภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่น่าจะมีผลโดยตรงต่อการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในระยะสั้น
อย่างไรก็ดี ศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2020 เป็นหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ซึ่งมีหลายประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ตัวแปรสำคัญจะอยู่ที่อาการป่วยโควิด-19 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยในกรณีที่อาการป่วยมีความรุนแรง การเปลี่ยนตัวผู้สมัครของพรรครีพับลิกันก็อาจไม่สามารถทำได้โดยง่ายเพราะกรอบเวลามีจำกัด และต้องมีขั้นตอนในการคัดเลือก
ขณะที่หากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หายป่วยโควิด-19 กลับมาเป็นปกติ ตัวแปรสำคัญหลังผลการเลือกตั้งก็จะเปลี่ยนกลับมาอยู่ที่การยืนยันผลการเลือกตั้ง และผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนถัดไป ซึ่งอาจกินเวลาข้ามไปจนถึงเดือนมกราคม 2564 เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยประกาศว่า อาจจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งหากเขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งในครั้งนี้
ทั้งนี้ แม้ว่าความไม่แน่นอนจากตัวแปรทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้งดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนอย่างยากจะหลีกเลี่ยง แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า เฟดน่าจะรอติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีว่าจะสิ้นสุดลงด้วยความเรียบร้อย หรือเกิดประเด็นทางการเมืองยืดเยื้อในช่วงหลังจากนั้นจนมีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แล้วจึงพิจารณาเครื่องมือทางการเงินและดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเพิ่มเติมในจังหวะเวลาที่เหมาะสมต่อไป