แนวความคิด การจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้นถูกปลุกผีขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายรองรับความผันผวนรุนแรงของหุ้น แต่กลับไม่ได้เสียงตอบรับจากผู้ประกอบการธุรกิจหลักทรัพย์ เพราะเห็นว่าจะสร้างปัญหาตามมามากมาย
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวถึงแผนการดูแลตลาดทุนในภาวะวิกฤต “โควิด-19” ว่า จะหารือกับตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับการจัดตั้งทุนบางรูปแบบ เพื่อรองรับความผันผวนของตลาดหุ้น
แม้จะไม้ได้ระบุชัดเจนว่า กองทุนที่จะเป็นกองทุนอะไร แต่เป็นที่เข้าใจว่าจะเป็น กองทุนที่มีลักษณะพยุงหุ้น เหมือนที่เคยจัดตั้งในอดีต
แต่กองทุนที่จะจัดตั้ง มีคำถามจากผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์ทันที ทั้ง แหล่งเงินทุนในการจัดตั้ง ใครจะเป็นผู้บริหารจัดการ จะซื้อหุ้นในช่วงใด ซื้อหุ้นอะไร และจะขายออกในช่วงไหน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อตลาดหุ้น
กองทุนพยุงหุ้นมีการจัดตั้งนับครั้งไม่ถ้วน แต่ในอดีตมักจะเป็นการจัดตั้งของบริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์ในตลาดหลักทรัพย์ โดยร่วมกันลงขันรายละ 30 ล้านบาท และมีเงินสมทบจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม
กองทุนพยุงหุ้นในอดีตส่วนใหญ่จัดตั้งในวงเงิน 1,000 ล้านบาท โดยจัดตั้งในช่วงที่ตลาดหุ้นถูกผลกระทบจากวิกฤตทางการเมืองและเศรษฐกิจ ทั้งในหรือจากต่างประเทศ ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงรุนแรง
เมื่อมีการประกาศตั้งกองทุนพยุงหุ้นจะมีผลในเชิงจิตวิทยา ทำให้นักลงทุนแห่เข้ามาซื้อหุ้นดักเก็งกำไร ก่อนกองทุนพยุงหุ้นจะเข้าลงทุน
ในบางวิกฤตของตลาดหุ้น กองทุนพยุงหุ้นสามารถชะลอความผันผวนของราคาหุ้นได้ แต่บางครั้งก็ไม่สามารถพยุงตลาดหุ้นได้ จนต้องตั้งกองทุนพยุงหุ้นรอบ 2
วงเงินกองทุนพยุงหุ้นตั้งกันในวงเงินระดับ 1,000 ล้านบาทเท่านั้น เพราะมูลค่าการซื้อขายหุ้นในอดีตมีวันละไม่กี่ร้อยล้านบาท
แต่มูลค่าการซื้อขายหุ้นปัจจุบัน เฉลี่ยวันละ 4-5 หมื่นล้านบาท ดังนั้น กองทุนพยุงหุ้นจะต้องมีวงเงินระดับ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นนักลงทุน แต่จะหาแหล่งเงินทุนจากไหนมาจัดตั้ง
การจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้นเป็นดาบสองคม โดยเจตนารมณ์ต้องการช่วยเหลือนักลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้น แต่จะเปิดทางให้นักลงทุนต่างชาติมีโอกาสขายหุ้นในราคาที่ดี และถอนเงินกลับประเทศ
ปีนี้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นทิ้งเกือบ 2.8 แสนล้านบาทแล้ว และถือว่าขายหุ้นได้ราคาที่ดี เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยเข้าไปรับซื้อตลอด
ถ้านักลงทุนรายย่อยร่วมมือกันไม่ซื้อ ปล่อยให้ราคาหุ้นไหลลงมา นับจากนักลงทุนในประเทศจะสามารถซื้อหุ้นในราคาต้นทุนที่ต่ำลง ขณะที่ต่างชาติจะต้องขายหุ้นในราคาต่ำ และไม่สามารถทำกำไรจากการลงทุนได้มาก
แต่เพราะนักลงทุนรายย่อยแห่เข้าไปซื้อ ต่างชาติจึงขายโกยกำไรกลับบ้านอย่างสบาย
ถ้ามีการจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้น จะเป็นช่องทางให้ต่างชาติขายหุ้นได้ในราคาสูงๆ อีกครั้ง โดย นักลงทุนในประเทศอาจไม่ได้รับอานิสงส์จากกองทุนพยุงหุ้นเท่าใดนัก
แนวคิดการจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้นขณะนี้อาจไม่สอดคล้องต่อสถานการณ์การลงทุน เพราะวิกฤตตลาดหุ้นผ่านพ้นไปแล้ว จุดต่ำสุดของตลาดหุ้น โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ก็เชื่อว่าผ่านไปแล้ว ขณะที่นักลงทุนหายตื่นตระหนกกับผลกระทบวิกฤต “โควิด-19” ไปแล้ว
ไม่มีเหตุจำเป็นใดต้องปลุกผีกองทุนพยุงหุ้นขึ้นมาอีก เพื่อ เปิดโอกาสให้ฝรั่งทุบขายหุ้นในราคาที่ดี