บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินดัชนีหุ้นไทยแกว่งผันผวนต่อเนื่อง เหตุขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ สนับสนุน บวกการเมืองในประเทศที่ไม่แน่นอน เช่นเดียวกับสหรัฐฯ ที่ยังคงต้องจับตาการโหวตมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจวงเงินประมาณ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวดัชนี 1,240-1,270 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นได้อานิสงส์ค่าระวางเรือพุ่งทำนิวไฮ ชู PSL-RCL-TTA น่าลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังมีความผันผวนสูง โดยคาดว่าดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,240-1,270 จุด เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่สนับสนุน นักลงทุนยังจับตาสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กำลังพิจารณามาตรการเยียวยาเศรษฐกิจวงเงินประมาณ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ที่คาดว่าจะมีการโหวตในสัปดาห์นี้ ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศยังเป็นตัวกดดันตลาด
สำหรับปัจจัยในประเทศที่น่าจับตา เช่น ในวันที่ 29 ก.ย. มีการประชุม ครม. และ ธปท. จะมีการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ปัจจัยต่างประเทศที่น่าจับตาและมีผลต่อการลงทุนในขณะนี้ เช่น สหรัฐฯ เปิดเผยสต๊อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่ง ดัชนีราคาบ้าน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในวันที่ 30 ก.ย. 08.00 น. ดีเบตรอบแรกคู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ "ทรัมป์ VS ไบเดน" และสหรัฐฯ มีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน GDP 2Q63 กำไรภาคเอกชน 2Q63 ดัชนี (PMI) เขตชิคาโกเดือน ก.ย. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือน ส.ค. และสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ และจีนเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ
อีกทั้งวันที่ 1 ต.ค. อียูเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายและอัตราว่างงาน สหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ส.ค. ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือน ก.ย. ดัชนีภาคการผลิตเดือน ก.ย. และการใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือน ส.ค. อีกทั้งตลาดกลับมาใช้เกณฑ์ปกติของการชอร์ตเซล และการเปลี่ยนแปลงราคาซื้อขายสูงสุดในแต่ละวัน (ซิลลิ่ง-ฟลอร์) 30% สุดท้าย วันที่ 2 ต.ค. สหรัฐฯ จะทำการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ย. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือน ส.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย.
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปัจจัยเชิงบวกในประเทศ เช่น ศบค. อนุมัติเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) โดยเปิดรับนักกีฬาและนักธุรกิจจากต่างประเทศเข้าประเทศไทยระยะยาว ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา คาดว่าจะช่วยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวราว 1.2 หมื่นล้านบาท และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่าเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3Q63 จะดีขึ้นจากไตรมาส 2Q63 ที่ติดลบมากถึง -12.2% เนื่องจากในเดือน ก.ค.-ส.ค.63 เห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนหลังคลายมาตรการ lockdown อีกทั้งคาดว่าจะมีการทำ Window dressing ในช่วงสิ้นงวดไตรมาสที่ 3
และปัจจัยบวกจากต่างประเทศนั้นมาจากการที่ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่ายังคงมีโอกาสที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงต้องใช้เวลา เพื่อพิสูจน์ว่ามาตรการกระตุ้นต่างๆ ส่งผลเชิงบวกมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นประเมินกลยุทธ์การลงทุน ทางฝ่ายวิจัย แนะนำลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าระวางเรือปรับตัวขึ้น 28%WoW หลังคลาย Lockdown ได้แก่ PSL, RCL และ TTA และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ ได้แก่ AOT, MINT, ERW, CENTEL, BH, BDMS และ SPA
ส่วนภาพรวมของการลงทุนในทองคำนั้น นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางราคาทองคำปรับตัวลง 79 $/Oz โดยปรับตัวสร้างจุดต่ำสุดที่ 1,848 $/Oz เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังสหรัฐฯ ยังไม่ได้ข้อสรุปในการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่ในสหรัฐฯ เนื่องจากสภาคองเกรสและทำเนียบขาวยังคงมีความขัดแย้งกันในหลายประเด็น ขณะเดียวกัน การเสียชีวิตของนางรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐฯ ก็อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการอนุมัติมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้ ความคืบหน้าของการผลิตวัคซีน Covid-19 ที่มีความคืบหน้าต่อเนื่องทำให้เราคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ จะชะลอลง เนื่องจากต้องเตรียมเงินเพื่อสั่งซื้อวัคซีนมาให้แก่ประชาชนในประเทศ จึงคาดการณ์กรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ 1,800-1,900 $/Oz หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 26,740-28,380 บาทต่อบาททองคำ โดยหากปรับตัวลงใกล้แนว 1,800 $/Oz มองเป็นจังหวะซื้อสะสม