บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนอยู่ในกรอบ 1,250-1,300 จุด เหตุกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบ 2 และสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่มั่นคง และยังคงมีการชุมนุมทางการเมืองต่อเนื่อง ล่าสุด ทาง FETCO ประเมินความเชื่อมั่นนักลงทุนใน 3 เดือนข้างหน้าลดลง 21% จึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้น Defensive Stock ชู ADVANC-TTW-CHG เด่น
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังมีความผันผวนสูง โดยคาดว่าดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,250-1,300 จุด เนื่องจากทาง WHO ได้เปิดเผยว่าทั่วโลกติดโควิด-19 รายวันที่ทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง ซึ่งแสดงว่ามีการระบาดรอบ 2 เพื่อนบ้าน เช่น พม่า มาเลเซีย มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ขณะที่ในไทยเองได้มีการตรวจพบนักฟุตบอลติดเชื้อไม่มีอาการ 1 ราย อยู่ระหว่างตรวจผู้ใกล้ชิด 441 คน เป็นลบ 155 คน ที่เหลือยังคงต้องรอผลตรวจที่ชัดเจนซึ่งจะทยอยทราบลำดับต่อไป
ประกอบกับสถานการณ์ด้านการเมืองในประเทศมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งในวันที่ 19 ก.ย.นี้ กลุ่มประชาชนปลดแอกนัดชุมนุมใหญ่ทางการเมือง รวมทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 จะมีความล่าช้าราว 1 เดือน ล่าสุด ทาง FETCO ได้มีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือน ส.ค.2563 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าลดลง 21% ซึ่งในวันที่ 23 ก.ย.นี้ กนง.จะมีการประชุมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ครั้งที่ 6/2563 และหลังจากนั้น ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
นอกจากนี้ ปัจจัยต่างประเทศที่น่าจับตาและมีผลต่อการลงทุนในขณะนี้ เช่น สหรัฐฯ ยังออกมาตรการเยียวยาผลกระทบทาง ศก.จากโควิด-19 ไม่ได้ ทางด้านจีนเปิดเผยการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และอัตราการว่างงาน ส่วนอียูเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ส่วนสหรัฐฯ เปิดเผยราคานำเข้าและส่งออก และดัชนีภาคการผลิต และการผลิตภาคอุตสาหกรรม ส่วนในวันที่ 16 ก.ย.ทางอียูเปิดเผยดุลการค้าเดือน ส.ค. ด้านสหรัฐฯ เปิดเผยยอดค้าปลีก สต๊อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย และสต๊อกน้ำมัน รวมทั้ง FOMC แถลงมติอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะทราบผลในเช้า 17 ก.ย.ตามเวลาประเทศไทย
อีกทั้งในวันที่ 17 ก.ย. ทางธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุม เช่นเดียวกับธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และสหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง และดัชนีการผลิตเดือน ก.ย.
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุน และจากกรณีที่บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของอังกฤษ กลับมาทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเฟสที่ 3 ในสหราชอาณาจักรอีกครั้ง และแบงก์ ออฟ อเมริกาเพิ่มคาดการณ์ GDP สหรัฐฯ Q3 เป็น 27% จากเดิม 15% ถือว่ายังไม่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้
ดังนั้น ประเมินกลยุทธ์การลงทุน ทางฝ่ายวิจัยแนะนำลงทุนหุ้น Defensive Stock เช่น ADVANC โดยทาง Bloomberg Consensus ให้ราคาเป้าหมายที่ 226.87 บาท ประกาศผลกำไรปกติไตรมาสที่ 2/63 ดีกว่าที่ตลาดคาด จากค่าใช้จ่าย SG&A ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้กำไรปกติจะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่มองว่ากำไรน่าจะผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้ว และจะกลับมาเติบโตได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ
อีกทั้งยังแนะนำ TTW ทาง Bloomberg Consensus ให้ราคาเป้าหมาย 14.49 บาท ซึ่งกลุ่มของครัวเรือนยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามมาตรการให้พนักงาน Work from Home ในขณะที่อุตสาหกรรมอาหารเองก็มีการใช้กำลังการผลิตมากขึ้นด้วย ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำปรับตัวสูงขึ้น ผลประกอบการก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ และสุดท้าย CHG ทาง Bloomberg Consensus ให้ราคาเป้าหมาย 2.92 บาท โดยผู้บริหารยังคงเป้าหมายรายได้และกำไรสุทธิปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% แม้มีผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่โรงพยาบาล 2 แห่งใหม่ คือ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 อินเตอร์ ปราจีนบุรี และโรงพยาบาลรวมแพทย์ ฉะเชิงเทรามีผลขาดทุนลดลง และเริ่มถึงจุดคุ้มทุนก่อนจะทำกำไรได้ในช่วงปลายปี
ส่วนภาพรวมของการลงทุนในทองคำนั้น นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,900-1,970 $/Oz หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 28,110-29,250 บาทต่อบาททองคำ โดยหากราคาหลุดแนวรับที่ 1,900$/Oz ให้ระวังแรงขายออกเพิ่มเติม
