“ทอสเท็ม” ทุ่มงบ 20 ล้านบาท เปิดตัว “TOSTEM Flagship Showroom” เจาะกลุ่มลูกค้ารีโนเวต-บ้านใหม่ โชว์นวัตกรรม Total Housing Solution ครบวงจรเจาะตลาดบ้านหรูเพิ่มรายได้ตลาดแนวราบ ดันยอดขายครึ่งปีหลัง คาด 1-2 ปีสัดส่วนรายได้บ้านแนวราบขยับเพิ่ม 20% ชูจุดเด่นกระบวนการผลิตสินค้าด้วยเทคโนโลยีญี่ปุ่น และยูนิเวอร์แซล ดีไซน์ รองรับการใช้งานทุกเพศ ทุกวัย ทั้งเด็ก และผู้สูงวัย การันตีมาตรฐานติดตั้งด้วยระบบ “พรีเอ็นจิเนียริ่ง” ประกอบประตูหน้าต่างได้ขนาดและรูปแบบตามความต้องการลูกค้า ด้วยการสั่งประกอบจากโรงงาน เผยปี 62 ยอดขายรวมโต 15% แจงรายได้หลัก 80-90% ยังมาจาการขายสินค้าผ่านโครงการ ระบุโควิด-19 กระทบคอนโดหดตัวแรง พร้อมปรับแผนธุรกิจรับมือ เดินหน้าขยายฐานลูกค้าบ้านแนวราบและกลุ่มผู้ซื้อโดยตรง
นายวิชา วรสายัณห์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ลิกซิล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจ Total Housing Solution ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประตูหน้าต่างอะลูมิเนียม แบรนด์ทอสเท็ม กล่าวว่า ภายหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และการหดตัวทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง โดยเฉพาะกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยคอนโดมิเนียม ขณะที่โครงการบ้านจัดสรรมีอัตราการเติบโตค่อนข้างดี ส่งผลให้ยอดขายสินค้าตลาดบ้านแนวราบเติบโต 20% ซึ่งเกิดจากการปรับปรุงบ้านเก่าและตกแต่งบ้านใหม่ หลังเกิดกระแส Work From Home ของกลุ่ม New Normal ที่ใช้เวลาในการอยู่อาศัยในบ้านมากขึ้น ทำให้เกิดความต้องการปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้ตอบรับกับการใช้ประโยชน์และไลฟสไตล์การดำเนินชีวิตมากขึ้น ประกอบกับกลุ่มบ้านใหม่ ระดับบน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของทอสเท็ม และเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 น้อยมากและยังคงมีการตกแต่งบ้านมากขึ้น
แนวโน้มที่เกิดขึ้นกลายเป็นหนึ่งในโจทย์สำคัญที่ทำให้ “ทอสเท็ม” กลับมาทบทวนแผนการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้สอดรับต่อสถานการณ์ตลาด โดยบริษัทมีการปรับกลยุทธ์การตลาดและเพิ่มช่องทางการเข้าถึงลูกค้าเพื่อให้ติดต่อกับลูกค้าให้มากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้การพบกับลูกค้าโดยตรงทำได้ยากขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมา “ทอสเท็ม” ได้เปิดช่องทางการติดต่อกับลูกค้าผ่าน Facebook และเว็บไซต์ของทอสเท็ม และล่าสุด ได้ขยายช่วงทาง Line Aplecation เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อกับ “ทอสเท็ม” ได้หลากหลายช่องทางมากขึ้น
ทั้งนี้ การติดต่อผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ของลูกค้าโดยมากเป็นการติดต่อสอบถามข้อมูลสินค้า และการส่งแบบบ้านที่ต้องการจะติดตั้งประตูหน้าต่าง ให้ทีมออกแบบทอสเท็ม ช่วยออกแบบติดตั้งสินค้าโดยตรง ซึ่งช่องทางการติดต่อที่เพิ่มเข้ามานี้ช่วยให้มีลูกค้าเข้าถึงทอสเท็มได้มากขึ้นอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะสามารถสอบถามข้อมูล และรายละเอียดต่างๆ ของสินค้าผ่านช่องทางโซเชียล มีเดียได้ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ยังคงต้องการเดินทางเข้ามาสัมผัส และเลือกสี รวมถึงการทดลองใช้สินค้าจริงก่อนการตัดสินใจซื้อ ดังนั้น ทอสเท็ม จึงตัดสินใจขยายโชว์รูมเพื่อให้ครบคลุมพื้นที่บริการลูกค้ามากยิ่งขึ้น
โดยล่าสุด ทอสเท็มได้ใช้งบลงทุนกว่า 20 ล้านบาท ในการสร้างทอสเท็ม แฟลกชิป โชว์รูม (TOSTEM Flagship Showroom) แห่งใหม่ บนพื้นที่ 425 ตารางเมตร (ตร.ม.) ในคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC) ภายใต้แนวคิด Total Housing Solution แบบครบวงจร เพื่อเป็นหนึ่งในสาขาให้บริการลูกค้าที่ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งนี้ โชว์รูมทอสเท็ม
สาขา CDC ไม่ใช่สาขาใหม่ แต่เป็นการแยกออกมาเปิดโชว์รูมแบบสแตนด์อะโลน จากเดิมที่ใช้พื้นที่บริการร่วมกับสินค้าในเครือ “ลิกซิล” เพื่อให้เกิดความสะดวกในการทดลองและสัมผัสสินค้าแบรนด์ทอสเท็ม ได้โดยตรงเนื่องจากมองว่า CDC เป็นศูนย์รวมสินค้าก่อสร้าง ทำให้ลูกค้าที่เดินทางมาเลือกซื้อวัสดุก่อสร้างสามารถเข้าถึงสินค้าของทอสเท็มได้สะดวกและรองรับลูกค้าเพิ่มขึ้น
สำหรับ โชว์รูมทอสเท็ม สาขาCDC แบ่งออกเป็น 4 โซนในการให้บริการลูกค้า ประกอบด้วย 1.โซนด้านหน้า ซึ่งเป็นโซนแสดงสินค้ากรอบบานประตูหน้าต่างและประตูรั้วทุกรุ่น ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มสินค้าประตูหน้าต่างเพื่ออาคารสูง รุ่น GRANT SERIES รุ่น WE PLUS SERIES อีกกลุ่มคือ สินค้าประตูหน้าต่างบ้านแนวราบ รุ่นP7 SERIES รุ่น WE70 SERIES รุ่น WE40 SERIES และกลุ่มสินค้ารั้วอะลูมิเนียม ประตูบ้านเพื่อการใช้งานทดแทนไม้จริง ขณะเดียวกัน การชมสินค้าในโซนต่างๆ นั้น ลูกค้าจะได้รับคำแนะนำ และสามารถสอบถามรายละเอียดจากพนักงานที่พร้อมให้ข้อมูลสินค้าทุกรายการที่จัดแสดงไว้ในโชว์รูม
2.โซนเทสต์เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นโซนที่เปิดให้ลูกค้าสามารถเข้ามาชมการทดสอบสินค้าในแต่ละรุ่นและสัมผัสสินค้าได้จริง โดยในโซนนี้แบ่งการทดสอบออกเป็น 3 อย่าง คือ การทดสอบระบบการป้องกันน้ำฝนของประตูและหน้าต่าง การทดสอบการลดเสียงภายนอกเข้าสู่ภายในพื้นที่อยู่อาศัย และการทดสอบระบบระบายอากาศ และลดมลพิษจากภายนอกเข้าสู่พื้นที่อยู่อาศัย 3.โซนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของลูกค้าและขอคำปรึกษา แนะนำเกี่ยวกันสินค้า 4.ห้องประชุม เพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้าที่มารับบริการ โดยโชว์รูมทอสเท็ม สาขา CDC ได้เปิดให้ลูกค้าใช้บริการแล้วตั้งแต่วันที่
14 ก.ย.ที่ผ่านมา
“สิ่งที่ทอสเท็ม ดำเนินงานหลักๆ คือการขาย Total Housing Solution ซึ่งเป็นการนำเสนอสินค้าที่เป็นส่วนประกอบของบ้านหรือที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมความต้องการลูกค้านอกเหนือไปจากกลุ่มสินค้าหลัก”
ทั้งนี้ การเปิดโชว์รูมทอสเท็ม สาขา CDC เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มผู้บริโภคโดยตรง เพราะต้องยอมรับว่าการสร้างบ้านในปัจจุบันผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการออกแบบ และเลือกสรรวัสดุก่อสร้างเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ในอดีตลูกค้าไม่มีส่วนร่วม เพราะผู้รับเหมาเป็นผู้นำเสนอและแนะนำวัสดุก่อสร้างหรือเป็นผู้เลือกให้แก่ลูกค้าทั้งหมด ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้บริโภคขาดข้อมูลและไม่มีสินค้าให้เลือกมากเท่าที่ควร นอกจากนี้ ผู้บริโภคในปัจจุบันยังพบว่าในการก่อสร้างบ้านนั้นมักเกิดปัญหาตามมา หากไม่เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน โดยเฉพาะการเลือกสินค้ากลุ่มประตูหน้าต่าง ซึ่งมักเกิดปัญหาการยืด และหดตัวของบานประตูหน้าต่าง ทำให้ไม่สามารถปิดได้สนิทในฤดูฝน หรือเกิดปัญหาการหลุดพังของบานประตู จากน้ำหนักของวัสดุที่ใช้มากเกินไป
“ปัญหาเหล่านี้ ทำให้ทอสเท็ม เห็นโอกาสและความจำเป็นของช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า นอกจากการติดต่อผ่านโซเชียล มีเดีย หรือเว็บไซต์ ซึ่งเป็นช่องทางที่ทอสเท็มเข้าถึงลูกค้าอยู่แล้ว การเปิดโชว์รูมก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยให้ลูกค้าได้เข้ามาสัมผัสและทดลองใช้สินค้าได้จริง และมีประสบการณ์ตรง ช่วยให้เห็นถึงความแตกต่างของคุณภาพสินค้า เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับสินค้าที่มีอยู่ในตลาด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะทำให้สามารถขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มลูกค้าโดยตรงเพิ่มมากขึ้น”
ปัจจุบัน ทอสเท็มมีโชว์รูมและเดโม่รูมอยู่ในกรุงเทพฯ และตามหัวเมืองทั้งหมด 4 แห่ง ได้แก่ ทอสเท็มแฟลกชิปโชว์รูม ที่คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ ทอสเท็มโชว์รูม ในบุญถาวร สาขาราชพฤกษ์ ทอสเท็ม เดโม่รูมในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดภูเก็ต และยังมีแผนจะขยายโชว์รูมในหัวเมืองใหญ่เพื่อให้ครบคลุมกลุ่มลูกค้ามากที่สุด
สำหรับการขยายตลาดไปสู่กลุ่มผู้บริโภคโดยตรงนี้จะช่วยผลักดันให้ยอดขายของทอสเท็ม เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน สัดส่วนรายได้ในกลุ่มลูกค้า-ผู้ซื้อโดยตรงจะทยอยเพิ่มสูงขึ้น โดยปัจจุบัน ทอสเท็ม มีสัดส่วนรายได้จากการขายผ่านโครงการโดยตรงอยู่ที่ 80-90% และมีรายได้จากกลุ่มลูกค้าผู้ซื้อตรงประมาณ 10% คาดว่าในระยะ 1-2 ปีจากนี้สัดส่วนรายได้จากกลุ่มผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% และเพิ่มเป็น 30-40% ในช่วง 5-10 ปีจากนี้ โดยในปี 62 ที่ผ่านมา ทอสเท็มมียอดขายเติบโต 15%
นายวิชา กล่าวว่า ปัจจุบัน ทอสเท็ม มีสินค้าติดตั้งและแสดงให้ลูกค้าชมในโชว์รูมทอสเท็ม สาขา CDC ประกอบด้วย กรอบบานประตูหน้าต่างเพื่ออาคารสูง รุ่น GRANT SERIES ผลิตภัณฑ์รุ่นเรือธงของกรอบประตูหน้าต่าง ที่ยกระดับมาตรฐานของกรอบประตูหน้าต่างด้วยนวัตกรรมดีไซน์เพิ่มพื้นที่ของกระจกให้มากขึ้น ด้วยการออกแบบให้กรอบให้มีความสลิม เพื่อเปิดมุมมองสู่ภายนอกแบบพาโนรามา ซึ่งมาพร้อมกับการดีไซน์ฟังก์ชันพิเศษซ่อนกรอบบานประตูเข้าภายในวงกบ และระบบป้องกันน้ำ 2 ชั้น และประตูหน้าต่าง รุ่น WE PLUS SERIES ซึ่งผ่านการออกแบบและทดสอบประสิทธิภาพตามมาตรฐาน ASTM และมาตรฐานที่เข้มงวดของทอสเท็ม ซึ่งดีไซน์ครบถ้วนสามารถทำความสูงได้ถึง 3 เมตร เพื่อตอบโจทย์คามต้องการที่หลากหลายของอาคารสูง
นอกจากนี้ ยังมี สินค้าประตูหน้าต่างบ้านแนวราบ รุ่น P7 SERIES และรุ่น WE70 SERIES ซึ่งออกแบบเพื่อรองรับความต้องการในที่อยู่อาศัยแบบหรูหรา มาพร้อมกับคุณลักษณะพิเศษเหมาะสำหรับที่พักอาศัยแนวราบ กรอบหน้าต่าง กรอบล่างติดตั้งตัวระบบระบายน้ำ กรอบแนวตั้งปิด-เปิดได้สะดวก ตัวล็อกบานป้องกันการถูกงัดเปิดจากด้านนอก ระบบล็อกแบบก้านโยก เพื่อป้องกันการล็อกไม่สนิท เพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบล็อกเสริม โดยใน รุ่น P7 SERIES จะติดตั้งบานมุ้งแบบติดตั้งด้านนอกสำหรับบานเลื่อน
ส่วน รุ่น WE70 SERIES จะติดตั้งบานมุ้งจากด้านในห้อง นอกจากนี้ ยังมีประตูแบบบานเฟี้ยม ที่ออกแบบให้มีการเปิดที่หลากหลาย ซึ่งมาพร้อมกับรางระบายน้ำ ป้องกันน้ำฝนรั่วเข้าสู่ภายใน และธรณีประตูแบบเรียบสะดวกและปลอดภัย สำหรับเด็กเล็กและผู้สูงวัย รวมถึงผู้ใช้วีลแชร์ และเสริมด้วยขอบยางป้องกันอุบัติเหตุจากการถูกประตูหนีบ พร้อมกันนี้ ยังมีบานหน้าต่าง รุ่น WE40 SERIES ซึ่งผ่านออกแบบและทดสอบประสิทธิภาพตามมาตรฐานของทอสเท็มในระดับราคาย่อมเยา ทำให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงกลุ่มสินค้าประตูและรั้วอะลูมิเนียมภายนอกที่ติดตั้งไว้ให้ลูกค้าสามารถทดลองใช้จริง
สำหรับ จุดเด่นของกรอบบานประตูหน้าต่าง ทอสเท็ม คือการใช้เทคโนโลยีจากญี่ปุ่นในพัฒนา เช่น สีของอะลูมิเนียมที่ใช้ในการประกอบกรอบประตู และหน้าต่าง รวมถึงสินค้าอื่นๆ นั้นเป็นการชุบด้วยระบบไฟฟ้า ทำให้สีติดคงทน ไม่ลอกร่อน และยังเคลือบด้วยเทคโนโลยีเทคการ์ด หรือทอปโคส์ ทำให้ผิวของอะลูมิเนียมแข็งขึ้นและช่วยลดการเกาะของฝุ่น ช่วยให้ทำความสะอาดง่าย นอกจากนี้ ยังใช้ระบบ “พรีเอ็นจิเนียริ่ง” ในการประกอบประตู หน้าต่าง ซึ่งทำให้ประตู หน้าต่างของทอสเท็ม ไม่มีขนาดและแบบที่เป็นมาตรฐาน แต่เป็นการสั่งประกอบจากโรงงานตามแบบและขนาดที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งจะลดปัญหาคุณภาพการติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐาน
นอกจากนี้ ทอสเท็มยังให้ความสำคัญกับการออกแบบสินค้า ด้วยยูนิเวอร์แซล ดีไซน์ ที่สามารถรองรับการใช้งาน หรือตอบโจทย์การใช้งานของผู้อยู่อาศัยในบ้านได้ทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะการออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานของผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นการนำเอาเทคโนโลยีจาก “ลิกซิล” ซึ่งเป็นบริษัทแม่จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาใช้ อีกทั้งปัจจุบันญี่ปุ่นถือว่าเป็นประเทศที่เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยแล้วอย่างแท้จริง ดังนั้น เทคโนโลยีที่พัฒนาออกมาจึงรองรับการใช้งานของกลุ่มผู้สูงอายุ รวมถึงเด็กๆ ให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น