xs
xsm
sm
md
lg

"ศิรกร" เคาะราคาไอพีโอที่ 0.80 บาท

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ศิรกร" ตั้ง บล.โกลเบล็ก และ บล.คันทรี่ กรุ๊ป เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และแต่งตั้ง บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) บล.ฟินันเซีย ไซรัส บล.เคทีบี (ประเทศไทย) บล.โนมูระ พัฒนสิน และ บล.ไอร่า เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ เคาะราคา IPO ที่ 0.80 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อวันที่ 28-30 ก.ย. พร้อมดีเดย์เทรด mai วันที่ 8 ต.ค.นี้ มั่นใจหุ้นพื้นฐานแกร่ง ตอบโจทย์นักลงทุน

วันนี้ (25 ก.ย.) บริษัท ศิรกร จำกัด (มหาชน) หรือ SK ลงนามในสัญญาแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน พร้อมแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO)

นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Lead Underwriter) ว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัท ศิรกร จำกัด (มหาชน) “SK” ที่ระดับราคา 0.80 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 8 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน เมื่อเทียบกับบริษัทเทียบเคียงที่มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) อยู่ที่ 11.38 เท่า ทั้งนี้ SK จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 28-30 กันยายนนี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในวันที่ 8 ตุลาคม 2563 ในหมวดวัสดุก่อสร้าง โดยใช้ชื่อย่อ “SK” ซึ่งเชื่อว่าการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก

สำหรับการระดมทุนในครั้งนี้ เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 115.35 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 25.08 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้

ปัจจุบัน “SK” มีทุนจดทะเบียน จำนวน 230 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญที่เสนอขายจำนวน 115.35 ล้านหุ้น และมีทุนที่เรียกชำระแล้ว 172.33 ล้านบาท ภายหลังจากการเสนอขายหุ้น IPO บริษัทฯ จะมีทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 230 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน จำนวนไม่เกิน 106.85 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการและผู้บริหารและพนักงานบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 8.50 ล้านหุ้น

"การกำหนดราคา IPO ที่ระดับราคา 0.80 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างยั่นยืน ตามแนวโน้มการเติบโตโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ " นายกิตติพันธ์ กล่าว

ดร.วีรพัฒน์ เพชรคุปต์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวเพิ่มเติมว่า SK ถือเป็นเป็นกลุ่มบริษัทฯ มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปี ในการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง และให้บริการรับเหมาก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้าและงานรับเหมาก่อสร้างโยธา โดยมีศักยภาพมีความแข็งแกร่ง คือ การมีโรงงานผลิตและจัดจำหน่ายคอนกรีตอัดแรง 6 แห่งที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เช่น จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดชลบุรี จังหวัดชัยนาท จังหวัดลำปาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดสงขลา ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่ได้เปรียบเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจประเภทเดียวกัน

ส่วนธุรกิจให้บริการรับเหมาก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้านั้น SK สามารถเข้าร่วมประมูลงานสายส่ง สูงสุดขนาด 115 KV ของ กฟภ. และ กฟผ. ประกอบกับปัจจุบันเป็นผู้ประกอบการค้าร่วม (Consortium) กับบริษัท คินเด้น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) ในการรับเหมาระบบสายส่งไฟฟ้าขนาด 230 KV ของ กฟผ. ซึ่งในอนาคต SK จะสามารถเข้าร่วมประมูลงานรับเหมาระบบสายส่งขนาด 230 KV ได้ด้วยตนเอง หลังจากโครงการดังกล่าวเสร็จสิ้น ขณะที่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโยธา บริษัทฯ มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ในการรับเหมาก่อสร้าง เช่น งานก่อสร้างอาคาร Workshop อาคารปฏิบัติการเคมี โรงไฟฟ้าแม่เมาะ เป็นต้น

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ตอกย้ำศักยภาพทางการเงินของ บมจ.ศิรกร ว่า ด้วยความมุ่งมั่นในการเป็นผู้ผลิตและเป็นผู้จัดจำหน่ายชั้นนำในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสาไฟฟ้าคอนกรีตอัดแรง และความพยายามที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากงานรับเหมาสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า และงานรับเหมาก่อสร้างโยธา โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับงานจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเครื่องการันตีที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพความเชื่อมั่นของกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน จนเป็นที่ยอมรับในการเข้าประมูลงานของทุกภาคส่วนได้อย่างต่อเนื่อง

และทำให้ SK มีอัตราการเติบโต โดยจะเห็นได้จากผลการดำเนินย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้รวม 521.29 ล้านบาท กำไรสุทธิ 35.35 ล้านบาท ในปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 637.30 ล้านบาท กำไรสุทธิ 28.81 ล้านบาท และปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 677.07 ล้านบาท กำไรสุทธิ 50.26 ล้านบาท จะเห็นได้ว่ารายได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ไตรมาส 2/2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 274.58 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 9.29 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สาเหตุมาจากมาตรการ lockdown จากสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้บริษัทไม่สามารถขนส่งสินค้าข้ามจังหวัดได้ แม้ว่าจะเป็นช่วงที่หลายๆ อุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว แต่ SK ก็ยังคงสามารถรักษาผลประกอบการให้มีกำไรไว้ได้ขณะที่ ณ สิ้นไตรมาส 2/2563 SK ยังมีงานรับเหมาก่อสร้างที่รอการส่งมอบอีกกว่า 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่างานในมือ (Back log) อีกกว่า 157.22 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้เกือบทั้งหมดภายในปีนี้

นายภากร ตั้งนุกูลกิจ กรรมการบริษัทและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศิรกร จำกัด (มหาชน) หรือ SK กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ว่า เพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจรับเหมาก่อสร้างตามแผนยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนาประเทศ โดยบริษัทฯ มีแผนจะเข้าประมูลงานรับเหมาก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้าและงานรับเหมาก่อสร้างโยธาทั้งในส่วนของภาครัฐ และเอกชน เพิ่มขึ้น ซึ่งหลังจากโครงการ Consortium งานสายส่งไฟฟ้าขนาด 230 KV ปัจจุบันเสร็จสิ้น บริษัทฯ จะสามารถรับงานโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าขนาด 230 KV ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ด้วยตนเอง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะลงทุนเครื่องจักร อุปกรณ์ และรถขนส่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการขนส่ง เพื่อรองรับโอกาสในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต และเพื่อเพิ่มศักยภาพของธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีต การขนส่งสินค้าให้แก่ลูกค้า พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสในการขยายช่องทางการลงทุน เพื่อเพิ่มศักยภาพและต่อยอดความแข็งแกร่งทางธุรกิจในอนาคต


กำลังโหลดความคิดเห็น