ตลาดหุ้นวันอังคารที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา อยู่ในอาการป้อแป้ โดยเฉพาะการซื้อขายหุ้นในภาคเช้า ซึ่งดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้นในกรอบแคบๆ แต่เปิดการซื้อขายภาคบ่าย ดัชนีหุ้นพุ่งทะยาน หลัง ครม. มีมติอนุมัติในหลักการ เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาพำนักในประเทศไทยไม่เกิน 270 วัน
นักลงทุนที่อยู่ระหว่างชะลอการซื้อขายเพื่อรอประเมินสถานการณ์การเมือง ช่วงการชุมนุมใหญ่ของม็อบเยาวชนปลดแอกวันที่ 19 กันยายนนี้ บางส่วนกลับเข้าไล่ซื้อหุ้น ผลักดันให้ดัชนีหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 1,286.18 จุด เพิ่มขึ้น 13.84 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายมีเพียง 43,868.01 ล้านบาท
หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องการกับท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง ไม่ว่าจะเป็นหุ้นสนามบิน หรือหุ้นกลุ่มธุรกิจโรงแรม
การเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าในประเทศไทยในลักษณะอยู่ยาว 90 วัน และสามารถต่ออายุได้อีก 2 ครั้ง รวมทั้งหมดเป็นเวลา 270 วัน ซึ่งจะเริ่มมีผลในเดือนตุลาคมนี้
โดย คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประมาณวันละ 100-300 คน สร้างรายได้ประมาณเดือนละ 1,200 ล้านบาท ถือเป็นข่าวดีสำหรับตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่ได้รับอานิสงส์โดยตรง
ตลาดหุ้นตอบรับข่าวดีไปแล้ว โดยดัชนีหุ้นที่ใกล้จะหลุดระดับ 1,270 จุด เด้งขึ้นมายืนที่ระดับ 1,286 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายกลับมีเพียง 4.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นมูลค่าซื้อขายหุ้นที่เบาบาง และเป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนบางส่วนยังไม่กลับเข้าตลาดหุ้น ไม่ได้แห่เข้ามาลุยซื้อหุ้น
เพราะอาจไม่มั่นใจว่า ข่าวดีการเปิดให้ต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพียงชิ้นเดียวจะกระตุ้นให้ตลาดหุ้นกลับสู่ความคึกคักได้ จึงไม่กล้าผลีผลามลงทุน
การปรับตัวขึ้นแรงของตลาดหุ้นอาจเกิดขึ้นเพียงวันเดียว ขณะที่แนวโน้มระยะสั้นและระยะกลางยังอยู่ในช่วงขาลง จากแรงกดดันปัจจัยภายใน ทั้งเศรษฐกิจที่ซบเซา และความกังวลในสถานการณ์การเมือง ช่วงนับถอยหลังสู่การชุมนุมใหญ่ของม็อบเยาวชนปลดแอก
แต่วันนัดหมายชุมนุมของม็อบนักเรียนนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาจไม่ใช่การชุมนุมใหญ่จริงเสียแล้ว เพราะการชุมนุมใหญ่จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม ซึ่งหมายถึงปัจจัยทางการเมืองจะกดดันตลาดหุ้นต่อไปอีกนานนับเดือน
และถ้า การเมืองยังไม่มีความชัดเจน การเคลื่อนไหวของม็อบนักเรียนนักศึกษาไม่อาจคาดหมายได้ว่าจะจบอย่างไร ตลาดหุ้นคงไปไหนไม่ได้ไกล แม้จะมีมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็ตาม
นักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ซื้อรายใหญ่มาตลอด ส่วนใหญ่มีหุ้นแทบจะเต็มพอร์ต และเริ่มถอดใจเก็บหุ้นเพิ่ม เพราะกลัวความเสี่ยงจากความผันผวน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การเมืองที่ร้อนระอุ และไม่อาจประเมินเหตุการณ์ใดๆ ได้
ข่าวดีชิ้นใหญ่การอ้าแขนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงมีนักลงทุนบางส่วนแสดงปฏิกิริยาตอบรับ เข้าไปไล่ซื้อหุ้นดักเก็งกำไรเท่านั้น
แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับข่าวดี ไม่เชื่อว่าหุ้นจะฟื้นคืนสู่ความคึกคัก และยังไม่ยอมกลับเข้าตลาดหุ้น โดยรอประเมินทิศทางการลงทุน รอประเมินสถานการณ์การเมืองอยู่ห่างๆ เพราะเชื่อว่า หุ้นยังอยู่ในช่วงขาลงอยู่
และข่าวดีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่อาจกลบข่าวร้ายๆ ในตลาดหุ้นได้