xs
xsm
sm
md
lg

พีพี ไพร์มผลงานฟื้นตัว ตลท.ปลดเครื่องหมาย “C” เดินหน้ารุกธุรกิจเต็มสูบ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พีพี ไพร์ม ย้ำผลประกอบการพ้นจุดต่ำสุด รับผลดีหลังคุมเข้มค่าใช้จ่าย ส่งผลให้งบไตรมาส 2/63 ขาดทุนลดลง 57% ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯ ปลดเครื่องหมาย “C” ส่วนทุนสูงกว่าเกณฑ์ ทางด้านซีอีโอเปิดวิสัยทัศน์มุ่งฟื้นผลประกอบการพลิกเป็นบวกโดยเร็ว พร้อมฉายภาพอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ฟื้นตัวครึ่งหลังของปี

ม.ล.พรรณเพียงเดือน สังคหะพงศ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีพี ไพร์ม จำกัด (มหาชน) หรือ PPPM เปิดเผยถึงวิสัยทัศน์และเป้าหมายไว้ว่าต้องการเร่งฟื้นฟูให้ผลประกอบการของบริษัทฯ กลับเข้าสู่ภาวะปกติและพลิกเป็นบวกโดยเร็วที่สุด กำหนดกลยุทธ์เร่งสร้างรายได้โดยมุ่งให้ความสำคัญกับธุรกิจผลิตอาหารสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่ง จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากกว่า 33 ปี

บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าผลประกอบการของบริษัทฯ ได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว พิจารณาได้จากงบการเงินงวดไตรมาส 2 ของปี 2563 แม้ว่าจะยังคงแสดงผลขาดทุนสุทธิ 46.95 ล้านบาท แต่ลดลงถึง 57.73% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ผลจากการให้ความสำคัญต่อการบริหารค่าใช้จ่ายและควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีค่าใช้จ่ายรวมในไตรมาส 2 ของปี 2563 อยู่ที่ 450.52 ล้านบาท ลดลงถึง142 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีค่าใช้จ่ายรวมถึง 592.86 ล้านบาท

“ตลอดปีนี้ บริษัทฯ ยังคงดำเนินตามกลยุทธ์มุ่งให้ความสำคัญกับธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ ขณะเดียวกัน จะพยายามบริหารค่าใช้จ่ายเพื่อควบคุมต้นทุนการผลิตให้ลดต่ำลงไม่น้อยกว่า 10% จากต้นทุนการผลิตในปัจจุบัน และทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,800 ล้านบาท อาจลดลงจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากช่วงล็อกดาวน์ประเทศ กระทบด้านโลจิสติกส์ ระบบการขนส่งของลูกค้าและคู่ค้าปัจจัยการผลิตทำให้การดำเนินธุรกิจไม่ต่อเนื่อง รวมทั้งมาตรการต่างๆ ส่งผลกระทบโดยรวมต่อผู้ประกอบการและทุกอุตสาหกรรมเป็นห่วงโซ่ แต่ขณะนี้ทุกอย่างใกล้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมด้านสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหารกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ ความต้องการบริโภคในประเทศเริ่มฟื้นตัว และบริษัทฯ อยู่ในอุตสาหกรรมพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคจึงทำให้การฟื้นตัวเร็วกว่าอุตสาหกรรมอื่น”

คาดการณ์ว่าแนวโน้มความต้องการในการบริโภคจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2563 นี้ ซึ่งเป็นช่วงวงจรธุรกิจขาขึ้นของธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ (High Season) เกษตรกรเริ่มมีการเลี้ยงในพื้นที่เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ และข้อสำคัญประเทศไทยมีจุดแข็ง คือ มีแหล่งพันธุ์สัตวน้ำที่มีคุณภาพ

ทางด้านธุรกิจรับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง (OEM) มีแนวโน้มเติบโตอย่างเห็นได้ชัด โดยพบว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา รายได้จากธุรกิจดังกล่าวเพิ่มขึ้น 50.62% เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตคนไทยหันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงมีทิศทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นราว 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

บริษัทฯ ยังมีออเดอร์การรับจ้างผลิต (OEM) อาหารสัตว์อื่นๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมองว่านอกจากจะสร้างรายได้ให้บริษัทฯ เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการบริหารจัดการกำลังการผลิตเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด ด้วยศักยภาพการผลิตของบริษัทฯ และการพัฒนารูปแบบการผลิตอาหารสัตว์ให้มีความหลากหลาย พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าได้

ม.ล.พรรณเพียงเดือน กล่าวปิดท้ายว่า ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 บริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 359.96 ล้านบาท ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นสูงเกินกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว เป็นไปตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กำหนดและได้ปลดเครื่องหมาย “C” สำหรับการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ มีผลตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา และเน้นย้ำว่าบริษัทฯ ยังคงยึดถือนโยบายความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ทั้งลูกค้า คู่ค้า โดยเฉพาะผู้ถือหุ้น และพนักงาน


กำลังโหลดความคิดเห็น