xs
xsm
sm
md
lg

เจดับเบิ้ลยูดีฯ รายได้ครึ่งปีแรกขยับเพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ ทำรายได้รวมครึ่งปีแรก 1,853.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9% ท่ามกลาง โควิด-19 จากธุรกิจคลังสินค้าทั่วไปและห้องเย็นที่เติบโตดี แต่ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ สินค้าอันตรายและขนส่งสินค้า รับผลกระทบจากภาพรวมเศรษฐกิจ ส่งผลกำไรสุทธิชะลอตัว

ดร.เอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด(มหาชน) หรือ JWD เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของ JWD ช่วงไตรมาส 2/2563 และงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ สะท้อนความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในการบริหารธุรกิจโลจิสติกส์และซัปพลายเชนท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและผลกระทบด้านซัปพลายเชนจากโรค COVID-19 โดยไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ทำรายได้รวม 887.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 869.4 ล้านบาท ส่งผลรายได้รวม 6 เดือนแรกปี 2563 อยู่ที่ 1,853.4 ล้านบาท เติบโต 4.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,766.2 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นผลงานที่ดีกว่าภาพรวมตลาดโลจิสติกส์

โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมีปัจจัยจากธุรกิจคลังสินค้าทั่วไปที่มีรายได้รวมไตรมาส 2 ที่ผ่านมา 107.3 ล้านบาท และงวด 6 เดือนแรกปีนี้ 211.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.5% และ 24.6% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย ณ สิ้นไตรมาส 2/2563 เพิ่มขึ้นเป็น 95.6% ส่วนธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น มีรายได้รวมไตรมาส 2 ที่ผ่านมา 199.4 ล้านบาท และงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ 387.8 ล้านบาท เติบโต 34.7% และ 27.5% ตามลำดับจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณสินค้าที่รับฝากเพิ่มขึ้นและได้ขยายธุรกิจ JWD Cold Chain Express Delivery ส่งผลดีต่อการการใช้พื้นที่คลังสินค้าห้องเย็นที่บางนา

นอกจากนี้ ยังรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจฟูดเซอร์วิสที่ไต้หวัน หลังจากเริ่มมีรายได้จากการขยายบริการจัดเตรียมวัตถุดิบแก่แบรนด์ฟาสต์ฟูดชั้นนำ ขณะที่กำไรสุทธิของ JWD ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 48.1 ล้านบาท และงวด 6 เดือนแรกปี 2563 อยู่ที่ 141.6 ล้านบาท ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ ธุรกิจขนส่งสินค้า และธุรกิจรับฝากและบริหารสินค้าอันตรายได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการผลิตรถและชิ้นส่วนอะไหล่ที่ชะลอตัว รวมถึงความต้องการใช้สารเคมีในภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ผ่านมา ผู้ผลิตรถยี่ห้อต่างๆ ทยอยกลับมาเปิดสายการผลิตจนครบทุกยี่ห้อในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวว่า มีความมั่นใจจะทำผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังได้ดีกว่าช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา หลังจากธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และมีรายได้รวมถึงผลกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าจะกลับมารับผลดีจากภาพรวมเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มค่อยๆ ฟื้นตัวจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จะส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่มีความต้องการใช้วัตถุดิบและบริการด้านโลจิสติกส์เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนเพิ่มรายได้โดยขยายฐานลูกค้าธุรกิจ Cold Chain Express Delivery เพื่อจัดส่งสินค้าแบบ B2C (Business to Customer) ที่กำลังเติบโตหลัง COVID-19 และการร่วมมือกับ Transimexcorporation พาร์ตเนอร์ด้านโลจิสติกส์ในประเทศเวียดนาม ให้บริการธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามแดนที่มีเส้นทางเชื่อมต่อประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม ในขณะเดียวกัน ได้เน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้มีค่าใช้จ่าย SG&A ลดลงเหลือ 313.9 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 353.3 ล้านบาท

“จุดแข็งของ JWD คือเรามี Strength in Diversify หรือความแข็งแกร่งจากพอร์ตธุรกิจและฐานลูกค้าด้านบริการโลจิสติกส์และซัปพลายเชนที่หลากหลาย รวมถึงกระจายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ทำให้เราสามารถผ่านวิกฤตต่างๆ และผลกระทบจาก COVID-19 ได้อย่างแข็งแกร่ง ฐานะการเงินของบริษัทฯ ยังเข้มแข็งไม่มีปัญหาด้านสภาพคล่อง และมั่นใจว่าด้วยโมเดลธุรกิจที่วางไว้เราจะสามารถสร้างการเติบโตจากการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน” นายชวนินทร์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น