"แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์" ชูเรื่องราคาแข่งขันกับคู่แข่ง รักษาตัวเลขรายได้การขายอยู่ระดับ 12,278.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย กำไรสุทธิยังคงรักษาไว้ระดับสูงถึง 2,738.92 ล้านบาท แม้จะลดลง 25.54% ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 2 โครงการแนวราบ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ เพิ่มสูงขึ้นแซงหน้าสินค้าประเภทคอนโดฯ
นายวิทย์ ตันติวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH กล่าวถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2563 ว่า ในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ (สิ้นสุด 30 มิ.ย.63) บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 2,738.92 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปี 62 มีกำไรสุทธิ จำนวน 3,678.18 ล้านบาท ลดลง จำนวน 939.26 ล้านบาท หรือลดลง 25.54% เกิดขึ้นจากรายได้จากการขายเท่ากับ 12,278.51 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้การขายเท่ากับ 12,237.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.23 ล้านบาท
ขณะที่ในงวดครึ่งปีแรก บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายเท่ากับ 30.38% ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 32.12% ลดลง 1.74% เป็นผลมาจากการแข่งขันที่สูงขึ้นและสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเมื่อรวมปัจจัยทั้ง 2 ข้อข้างต้น ทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงจำนวน 199.35 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้จากการขายบ้านในงวด 6 เดือนแรก มาจากโครงการแนวราบเป็นหลัก โดยบ้านเดี่ยวมีสัดส่วน 77% และทาวน์เฮาส์ 13% มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนคอนโดมิเนียม ปรับสัดส่วนรายได้ลดลงเหลือ 10% จากเดิม 15%
ส่วนของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการอยู่ที่ 1,313.22 ล้านบาท ลดลงจาก 2,411.62 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้น 220.58 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 16.80% ทั้งนี้ กำไรขั้นต้นที่ลดลงจำนวน 504.48 ล้านบาท จากสถานการณ์โควิด-19 ที่บริษัทต้องปิดการให้บริการของกิจการโรงแรมเป็นการชั่วคราว
ในส่วนของการแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม งวด 6 เดือนแรกปี 63 อยู่ที่ 1,247.72 ล้านบาท ลดลงจาก 1,649.48 ล้านบาท
สำหรับงวดไตรมาส 2 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ จำนวน 1,394.93 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 62 อยู่ที่ 1,852.38 ล้านบาท ลดลงจำนวน 457.45 ล้านบาท หรือลดลง 24.70% เกิดจากรายได้จากการขายเท่ากับ 7,230.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 691.19 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 10.57% ส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 31% ลดลง 0.94% เป็นผลมาจากการแข่งขันที่สูงขึ้น และสถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้ รายได้หลักๆ มาจากโครงการแนวราบ ทั้งโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ขณะที่ คอนโดมิเนียมมีสัดส่วนรายได้ลดลงอย่างมากจาก 22% ลงมาเหลือ 10% ในไตรมาส 2