ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าลดลง 16% โดยกังวลการชุมนุมประท้วงทางการเมืองมากที่สุด คาดหวังฝีมือ ครม.ใหม่ฟื้นเศรษฐกิจ
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนสิงหาคม 2563 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าลดลง 16% มาอยู่ที่ระดับ 85.26 จากระดับ 101.19 อยู่ในเกณฑ์ทรงตัวเหมือนเดือนก่อน นักลงทุนคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศหลังจากที่มี ครม.ประยุทธ์ 2/2 และทีมเศรษฐกิจชุดใหม่เป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมา คือ การฟื้นตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยว และนโยบายภาครัฐ รวมถึงความคืบหน้าของการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะการชุมนุมประท้วง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัจจัยรองลงมา คือ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน สำหรับหมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดอาหารและเครื่องดื่ม (FOOD) หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดธนาคาร (BANK)
สำหรับปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม ได้แก่ การรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนทั้งของไทยและทั่วโลกที่อาจแย่กว่าคาดการณ์ การประกาศจีดีพีไตรมาส 2/2563 ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมถึงการระบาดรอบ 2 ของโควิด-19 ในหลายประเทศ โดยปัจจัยในประเทศที่น่าติดตามได้แก่ ความเสี่ยงที่ไทยอาจถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำประเทศที่ต้องจับตาเรื่องการแทรกแซงอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมากำลังทยอยหมดลง และผลจากการผ่อนคลายธุรกิจระยะที่ 6 ที่จะเริ่มเปิดให้ชาวต่างชาติบางกลุ่มเข้าประเทศไทยได้
“ตั้งแต่ต้นปีหุ้นไทย Underperform ดัชนีปรับตัวลง 16% มากกว่าตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่ลดลง 3% ขณะที่ตลาดหุ้นอเมริกาเพิ่มขึ้น 5% ตลาดหุ้นจีนเพิ่มขึ้น 10% แม้ว่าประเทศไทยจะมีการดูแลเรื่องการระบาดของโควิด-19 ได้ดี แต่นักลงทุนกังวลสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความไม่แน่นอน และรอดูการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ หากประเทศไทยบริหารจัดการได้ดี เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะสามารถพลิกกลับมาบวกได้” นายไพบูลย์ กล่าว