ตลาดหุ้นอยู่ในภาวะทรงๆ ทรุดๆ มาพักหนึ่งแล้ว เนื่องจากขาดปัจจัยชี้นำ ทำให้นักลงทุนพากันชะลอการซื้อขาย จนมูลค่าซื้อขายลดฮวบเหลือไม่ถึง 40,000 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีหุ้นร่อแร่ ทำท่าจะถอยหลังมาตั้งหลักที่ระดับ 1,300 จุด และไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวในระยะสั้น
นับจากปรับฐานลงจากระดับ 1,450 จุด ดัชนีหุ้นไม่เคยดีดตัวกลับขึ้นไปแตะระดับ 1,400 จุดเลย เพราะ มีปัจจัยลบกระทบอย่างต่อเนื่อง ทั้งวิกฤต “โควิด-19” ที่ลุกลามทั่วโลก ทั้งความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่กำลังปะทุรอบใหม่ และผลกระทบจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 ที่ทรุดหนัก
แม้ดัชนีหุ้นจะปรับตัวลงมายืนระดับ 1,300 จุดเศษ แต่เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านย่านเอเชีย ตลาดหุ้นไทยถือว่าแพง โดยมีค่าพี/อี เรโช กว่า 19 เท่า
สาเหตุที่ดัชนีหุ้นดิ่งลงมากว่า 100 จุดในรอบนี้ อาจเกิดจากค่าพี/อี เรโช ที่สูงเกินไป ขณะที่ แนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะชะลอตัวต่อเนื่อง จึงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้น
ยอดขายหุ้นสะสมสุทธิของต่างชาติจากต้นปีจนสิ้นสุดวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 230,938.75 ล้านบาท และสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติในตลาดหุ้นไทยเหลือเพียง 26% เท่านั้น
แม้ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาสที่ 2 จะเป็นไตรมาสที่ย่ำแย่ที่สุดของปีนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่า ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 3 และ 4 จะฟื้น เพียงแต่อาจกระเตื้องขึ้นจากไตรมาสที่ 2 แต่ถ้าเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ผลกำไรยังชะลอตัวอยู่
แนวโน้มหุ้นระยะสั้นมีความไม่แน่นอน มีความเสี่ยงที่จะปรับฐานลงต่ำกว่า 1,300 จุด ถ้ามีปัจจัยลบเข้ามากระทบ และแทบไม่มีโอกาสการทำกำไร นักลงทุนจึงเริ่มทยอยพักการซื้อขาย ถอยห่างจากตลาดเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ชั่วคราว
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังเขขายหุ้นออกมาเรื่อยๆ
ความคึกคักเกิดขึ้นเฉพาะหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นใหม่ที่เข้ามาซื้อขายหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “โควิด-19” รวม 3 บริษัท ซึ่งร้อนแรงทั้ง 3 บริษัท
นอกจากนั้น ยังมีหุ้นที่ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 กำไรเติบโตเกินความคาดหมาย ทำให้นักลงทุนแห่เข้าไปเก็งกำไรแต่หุ้นส่วนใหญ่ในกระดานเงียบเหงาซบเซา ราคาแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบแคบ และแทบไม่มีช่องในการเก็งกำไร
นักลงทุนบางส่วนถอดใจแล้ว สมัครที่จะเว้นวรรค พักรบในตลาดหุ้นชั่วคราว เพราะไม่เห็นสัญญาณการดีดตัวกลับ ไม่มีข่าวดีที่รอคอยในระยะสั้น มีแต่ปัจจัยลบมากมาย ทั้งจากภายในและภายนอก
ครม.เศรษฐกิจชุดใหม่ไม่ได้สร้างความคาดหวังใดจากนักลงทุน จึงไม่มีปฏิกิริยาตอบรับในเชิงบวกจากตลาดหุ้น
ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มตึงเครียดขึ้น โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของม็อบเยาวชนนักเรียน นักศึกษาที่เรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และมีการจัดตั้งม็อบมาชนม็อบ จนเกิดความกังวลสถานการณ์รุนแรงทางการเมือง
ตลาดหุ้นกำลังตกอยู่ในภาวะซึมเซา และคาดว่า จะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่กระตุ้น
นักลงทุนที่ไม่พร้อมจะเสี่ยง ไม่ต้องการแลกหมัดวัดดวงกับการเก็งหุ้นรายตัว อาจต้องทำใจนั่งเฝ้ากระดานไปพลางๆ ก่อน กำเงินสดไว้ให้แน่น จนกว่าท้องฟ้าในตลาดหุ้นจะเปิดใหม่
แต่ช่วงนี้ท้องฟ้าในตลาดหุ้นยังปิดอยู่ และราคาหุ้นก็ยังไม่จูงใจมากพอให้ช้อนเก็บอีกด้วย