โบรกเกอร์มองมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรม โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีโรงแรมในเมืองไทยเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอย่างร้านอาหาร หนุนผลประกอบการฟื้นตัว CENTEL-ERW-MINT คึกรับผลดี
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า ปัจจัยบวกสำหรับกลุ่มโรงแรมประเทศไทยหลังยกเลิกมาตรการ Lockdown รวมถึงจัดโครงการเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวในประเทศจะเป็นกลุ่มแรกที่ขับเคลื่อนการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในช่วงที่โควิด-19 ระบาด โดยคาดว่า CENTEL และ ERW จะได้อานิสงส์จากกลุ่มนี้ และหนุนให้ผลการดำเนินงานทยอยฟื้นตัวขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม แนะนำ “ซื้อ” CENTEL เนื่องจากความเสี่ยงทางการเงินต่ำที่สุดในกลุ่ม โดยมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ในไตรมาสแรก ปี 63 อยู่ที่ 0.7 เท่า และธุรกิจร้านอาหารจะฟื้นตัวได้เร็วกว่า และยังได้อานิสงส์จากการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ภายในประเทศ ด้าน ERW แนะนำ "ถือ" ซึ่งมีโอกาสให้เข้าเก็งกำไรได้ในฐานะที่เป็น pure play ขณะที่สัดส่วน D/E ของ ERW ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ที่ 1.8 เท่า ในไตรมาสแรก ปี 2563
สำหรับ MINT แนะนำ “ขาย” โดยมีมุมมองเชิงระมัดระวังต่อ MINT จาก fully dilution ที่ 18% ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่กดดันราคาหุ้นในระยะกลาง และรายได้จากธุรกิจโรงแรมกระจุกตัวอยู่ในยุโรปมากกว่า 60% จะเป็นเหตุให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฟื้นตัวช้ากว่าหุ้นอื่นในกลุ่ม นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงต่อความสำเร็จในการเพิ่มทุน และการออกพันธบัตรแบบไม่กำหนดอายุ (perpetual bond) ในไตรมาส 3 ปี 2563
บล.กรุงศรี จำกัด ประเมินการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจะเป็นบวกต่อการลงทุน รวมถึงแนวโน้มผลประกอบการของธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าจะทยอยฟื้นตัวขึ้นในอนาคต และผลประกอบการของธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อย่าง ERW, CENTEL, MINT รวมถึงสยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA) ซึ่งคาดว่าจะทยอยฟื้นตัวขึ้นในอนาคต หลังรัฐบาลสเปนประกาศเปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกเข้ามาท่องเที่ยวได้ตั้งแต่เดือน ก.ค.เป็นต้นไป
บล.ทรีนีตี้ รายงานว่า มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวจะเป็นผลบวกต่อกลุ่มโรงแรมโดยตรง และกลุ่มโรงแรมที่มีสัดส่วนรายได้ในประเทศจะได้รับอานิสงส์สูงสุด จึงมองว่า ERW จะได้รับอานิสงส์สูงกว่า MINT และ CENTEL เนื่องจากเป็น Pure Hotel Player และรองลงมาคือ CENTEL ในขณะที่ MINT จะเป็นบริษัทที่รับอานิสงส์น้อยสุดเนื่องจากมีสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศสูงกว่าในประเทศ โดย ERW นั้นเนื่องจากเป็นบริษัทที่เป็น Pure Hotel Player และมีโรงแรมครอบคลุมทุกระดับชั้น และ 96% ของรายได้อยู่ในประเทศ และมีสัดส่วนรายได้โรงแรมในต่างจังหวัดที่ 38% ด้านโรงแรมกลุ่ม Hop Inn ที่กระจายตัวอยู่ตามต่างจังหวัด มีค่าห้องพักต่ำกว่า 1,000 บาทต่อคืน คาดว่าจะได้รับความนิยมจากมาตรการนี้สูง ดังนั้นมองว่า ERW จะเป็นบริษัทที่ได้รับอานิสงส์โดยตรงจากมาตรการนี้สูงที่สุด
สำหรับ CENTEL มีสัดส่วนรายได้โรงแรมในประเทศที่ 82% และมีสัดส่วนจากโรงแรมในต่างจังหวัดที่ 50% ประกอบกับกลุ่มร้านอาหารของ CENTEL ในประเทศ 100% และการเดินทางท่องเที่ยวคาดว่าจะส่งผลให้ยอดขายต่อสาขาของร้านอาหารเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ขณะที่สัดส่วนรายได้ของโรงแรมในประเทศของ MINT อยู่ที่ 14% และสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในต่างจังหวัดอยู่ที่ 8% จึงมองว่า MINT จะเป็นบริษัทที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการนี้น้อยสุดในกลุ่ม ในขณะที่กลุ่มร้านอาหารของ MINT ที่อยู่ในประเทศ 75% คาดว่าจะได้รับผลบวกจากการท่องเที่ยวเช่นเดียวกับของ CENTEL