แม้จะเปลี่ยนชื่อแซ่ใหม่ จาก บริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EIC เป็น บริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ W แต่พฤติกรรมการลงทุนของบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ไม่เปลี่ยน โดยการซื้อทรัพย์สินครั้งล่าสุด ถูก ตั้งปมสงสัยในราคาที่สูงกว่ามูลค่ายุติธรรม
สำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกคำ เตือนผู้ถือหุ้น W ขอให้ศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ ก่อนตัดสินใจซื้อหุ้นเพิ่มทุน เพื่อนำเงินไปรับโอนกิจการร้าน DOMINO'S PIZZA ในประเทศไทย มูลค่า 426 ล้านบาท ซึ่งที่ปรึกษาการเงินอิสระเห็นว่า มูลค่าไม่เหมาะสม และเงื่อนไขการชำระเงินและคิดดอกเบี้ยไม่เป็นธรรม
W เปลี่ยนชื่อใหม่เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยก่อนเปลี่ยนชื่อใหม่ ราคาหุ้นถูกลากขึ้นจาก 3 สตางค์ เมื่อวันที่ 20 เมษายน ขึ้นมายืนที่ 12 สตางค์ในวันที่ 14 พฤษภาคม หรือเพิ่มขึ้น 300% ภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน
ต่อมา วันที่ 22 มิถุนายน คณะกรรมการบริษัทได้ประชุมโดยมีมติเพิ่มทุน นำหุ้นใหม่จำนวน 2,817.39 ล้านหุ้น (พาร์ 1 บาท) เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 0.3 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 12 สตางค์ กำหนดจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 25 สิงหาคมถึง 4 กันยายนนี้
และยังมีมติให้บริษัท โดมิโน่ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ W ถือหุ้นสัดส่วน 99.99% เข้าทำรายการได้มาซึ่งทรัพย์สิน โดยการรับโอนกิจการร้านพิซซ่าภายใต้ชื่อ DOMINO'S PIZZA ในประเทศไทย จากเจ้าของเดิมคือ บริษัท โดมิโน่ส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอฟซี คอมมิซซ่ารี่ จำกัด
รวมทั้งทำสัญญาเช่าแฟรนไชส์ เพื่อให้ได้สิทธิแต่เพียงผู้เดียวในกิจการร้านพิซซ่า DOMINO'S PIZZA โดยจะชำระเงินให้ผู้รับโอนไม่เกิน 400 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเห็นว่า ผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติให้ W เข้าทำรายการรับโอนกิจการร้าน DOMINO'S PIZZA เนื่องจากมูลค่ารวมในการเข้าทำรายการไม่เหมาะสม โดยมูลค่ายุติธรรมประเมินอยู่ระหว่าง 139.58-344.92 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าที่บริษัทจะซื้อในราคา 400 ล้านบาท
นอกจากนั้น ยัง มีเงื่อนไขในการชำระเงินและดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรม โดยการวางมัดจำในรูปแบบเงินกู้ 100 ล้านบาท และไม่คิดดอกเบี้ย
ขณะที่ผู้โอนคิดดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อปีของมูลค่าซื้อขาย ซึ่งสูงกว่าต้นทุนเฉลี่ยเงินกู้ของ W ในปี 2561-2562 ที่ร้อยละ 6.92 ต่อปี และหากไม่มีการซื้อขาย W อาจต้องรอถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 จึงจะได้รับเงินรับเงินคืน
และการทำสัญญาโอนกิจการ W ต้องจ่ายค่ามัดจำอีก 40 ล้านบาท รวมเป็นเงินมัดจำ 140 ล้านบาท ซึ่ง เป็นการวางเงินมัดจำที่สูงมาก
บริษัท โพลาริส แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ POLAR เป็นบริษัทจดทะเบียนอีกแห่งหนึ่งที่มีการเพิ่มทุนบ่อยครั้งก่อนนำเงินไปซื้อทรัพย์สิน และมักวางเงินมัดจำซื้อทรัพย์สินจำนวนมาก แต่เมื่อไม่มีการซื้อทรัพย์สิน เงินมัดจำมักไม่ได้คืน ซึ่งเป็น สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทประสบภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว จนบริษัทต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ หุ้นถูกพักการซื้อขายจนถึงปัจจุบัน
ส่วน W หรือ EIC เดิม มักทำรายการซื้อทรัพย์สินบ่อยครั้ง และเคยถูกที่ปรึกษาทางการเงินอิสระแสดงความเห็นแย้งในการซื้อทรัพย์สิน เนื่องจากราคาทรัพย์สินที่ซื้อสูงกว่ามูลค่ายุติธรรม แต่ คณะกรรมการบริษัทไม่ฟังความคิดเห็นของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ และซื้อทรัพย์สินจนได้
เช่นเดียวกับการเพิ่มทุน เพื่อนำเงินทำรายการรับโอนกิจการร้านพิซซ่า DOMINO'S PIZZA ครั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทคงเดินหน้าทำรายการจนได้
เพียงแต่ ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 2,828 รายของ W จะร่วมด้วยช่วยกันถมเงินเพิ่มทุนหรือไม่เท่านั้น
เพราะถ้าฟังคำเตือนของ ก.ล.ต.และความเห็นของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ และการทำรายการซื้อทรัพย์สินอดีตแล้ว
ผู้ถือหุ้นรายย่อยน่าสละสิทธิจองหุ้นเพิ่มทุน ปล่อยให้ผู้ถือหุ้นใหญ่เติมเงินกันเองมากกว่า