บล.โกลเบล็ก (GLOBLEX) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ยังแกว่ง Sideway Down ในกรอบ 1,300-1,340 จุด ไร้ปัจจัยเชิงบวกเข้ามาสนับสนุน ขณะเดียวกันมองว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2/63 มีแนวโน้มต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เทียบกับไตรมาส 2/41 ที่ติดลบ 12.5% เป็นผลต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบฉุดให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว
อีกทั้งในหลายประเทศยังคงพบยอดผู้ติดเชื้อไวรัสทั่วโลกทะลุ 18 ล้านราย เสียชีวิตเกือบ 7 แสนราย รวมถึงการแพร่กระจายยังคงระบาดหนักอย่างต่อเนื่อง อาทิ ออสเตรเลียประกาศเป็นสถานการณ์ภัยพิบัติและบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิว ส่วนฮ่องกง จีน และเวียดนาม พบการระบาดซ้ำ ขณะที่สถานการณ์ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าหลังจากเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่ารุนแรงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย ประกอบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่อแววฟื้นตัวช้ากว่าประเทศอื่น
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า นักลงทุนควรลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยให้พิจารณาลงทุนจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน เนื่องจากช่วงนี้ใกล้ประกาศงบผลประกอบการประจำไตรมาส 2/63 อีกทั้งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการเงินกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจรอบสอง วงเงินเกือบ 8.3 พันล้านบาท และการผลิตภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทยหดตัวน้อยลงหลังจากผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
ส่วนปัจจัยบวกในต่างประเทศ จีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 54 ที่ระดับ 52.8 ในเดือน ก.ค. จากระดับ 51.2 ในเดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัว และเป็นการขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือนติดต่อกัน
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำหุ้นที่คาดผลประกอบการ Q2/63 ออกมาโดดเด่น เช่น WICE จากแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 2/63 จะได้แรงหนุนจากช่วงไฮซีซันของธุรกิจ ประกอบกับบริษัทเตรียมรับรู้กำไรที่เพิ่มขึ้นตามผลประกอบการของ WICE Logistics (Singapore) เพิ่มอีก 30% หรือประมาณ 18 ล้านบาท หลังจาก WICE เข้าถือหุ้น 100% ใน WICE SG เมื่อ 5 พ.ค. 63 เรียบร้อยแล้ว
TASCO คาดผลประกอบการไตรมาส 2/63 จะกลับมาฟื้นตัวขึ้น ตามคำสั่งซื้อจากจีนที่ถูกจากไตรมาส 1/63 และคำสั่งซื้อใหม่ที่ทยอยเข้ามาหลังกลับมาเปิดประเทศ ประกอบกับแรงหนุนจากราคายางมะตอยในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากเกิดภาวะขาดแคลน หลังต้องการยางมะตอยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงไฮซีซัน
CPF คาดกำไรไตรมาส 2/63 เติบโตโดดเด่น โดยมีแรงหนุนจากราคาหมู และราคาไก่ในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาหมูในประเทศเวียดนามยังอยู่ในระดับสูง 80,000-100,000 ด่อง/กก. ประกอบกับได้ประโยชน์จากต้นทุนกากถั่วเหลืองที่ลดลง
กลุ่มโรงกลั่น คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวสูงที่สุดเรียงจาก PTT-TOP-SPRC และ PTTGC ตามลำดับ เนื่องจากได้รับผลบวกจากกำไรสต๊อกน้ำมันหลังราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นจาก 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มาที่ 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยคาดว่ากำไรจะอ่อนตัวลงในไตรมาส 3/63 เนื่องจากไม่มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบ
ส่วนราคาทองคำ ประเมินว่าในสัปดาห์นี้ราคาจะปรับตัวขึ้นทดสอบ 2,000 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 29,970 บาทต่อบาททองคำ โดยได้แรงหนุนจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม