xs
xsm
sm
md
lg

บ้านปูทุ่ม 2.07 พันล้านบาท ซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บ้านปูเผย "BRE Singapore Pte. Ltd (BRES)" บริษัทย่อยในสิงคโปร์ ลงนามสัญญาซื้อขายโรงไฟฟ้าพลังงานลม EI Wind Mui Dinh ขนาด 37.6 เมกะวัตต์ ในเวียดนาม มูลค่าการลงทุน 2,065 ล้านบาท ตามเป้าหมายกลยุทธ์ Greener & Smarter และเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียน รวมถึงเพิ่มรายได้และกระแสเงินสดให้บริษัท
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU แจ้งว่า บริษัท BRE Singapore Pte. Ltd (BRES) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ได้ลงนามสัญญาซื้อขายโรงไฟฟ้าพลังงานลม EI Wind Mui Dinh ขนาด 37.6 เมกะวัตต์ (MW) ณ จังหวัด Ninh Thuan ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าการลงทุนจำนวน 66 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,065 ล้านบาท โดยการลงทุนครั้งนี้มาจากกระแสเงินของบริษัท และ บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นฝ่ายละ 50% ในบ้านปู เน็กซ์

ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวอยู่ระหว่างการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องในสัญญา และการได้รับอนุมัติจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 4/63 โรงไฟฟ้าพลังงานลม EI Wind Mui Dinh เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย. 62 และมีราคารับซื้อไฟฟ้า (FiT) ที่ 8.5 เซ็นต์สหรัฐ/หน่วย โดยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบสายส่งของเวียดนามให้แก่การไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ตามสัญญาการซื้อขายไฟฟ้า (PPA) เป็นเวลา 20 ปี จากการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลมดังกล่าว ทำให้บ้านปู เน็กซ์ จะมีกำลังการผลิตจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (committed capacity) รวมทั้งสิ้น 814 เมกะวัตต์

บริษัท ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายกำลังการผลิตจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า 6,100 เมกะวัตต์ ภายในปี 68 โดยเน้นการลงทุนในตลาดที่มีความเติบโตของความต้องการใช้ไฟฟ้าและมีนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาล

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BANPU กล่าวว่า การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนามในครั้งนี้ ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter และนับเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียนให้กับบริษัท รวมถึงเพิ่มรายได้และกระแสเงินสดจากพลังงานหมุนเวียนให้บ้านปู

ทั้งนี้ เวียดนามเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดประเทศหนึ่ง และเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ยังคงขยายตัวสวนทางกับสถานการณ์ของโลก ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หมายถึงโอกาสในอนาคตที่เปิดกว้างสำหรับบ้านปู โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่นานมานี้รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเพิ่มอีก 7 กิกะวัตต์ ส่งผลให้ประเทศเวียดนามจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมรวมถึงเกือบ 12 กิกะวัตต์ภายในปี 68

"ในฐานะบริษัทที่บุกเบิกการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนที่เข้ามาในตลาดเวียดนาม โดยเฉพาะในจังหวัดนินห์ถ่วนที่เป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญ บ้านปู กำลังวางรากฐานสำหรับการลงทุนในระยะยาว โดยเพิ่มโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ และเพื่อมาเสริมพอร์ตพลังงานหมุนเวียนของเรา บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน และเป็นไปในทิศทางเดียวกับเทรนด์พลังงานในระดับภูมิภาค ซึ่งก็คือการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) ด้วยกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเราสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เกือบ 7 แสนตันต่อปี หรือเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 40 ล้านต้น" นางสมฤดีกล่าว

นางสมฤดีกล่าวว่า ในส่วนของการลงทุนในอนาคตอันใกล้ บ้านปูมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจ ซึ่งสามารถสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงและต่อเนื่อง มีผลตอบแทนสูง และให้ผลตอบแทนระยะยาวสำหรับผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท

สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานลม El Wind Mui Dinh ตั้งอยู่ในจังหวัดนินห์ถ่วน บริเวณชายฝั่งทะเลภาคกลางตอนใต้ของเวียดนาม นอกจากสถานที่ตั้งซึ่งเป็นทำเลที่เหมาะสมเนื่องจากมีความเร็วและแรงของลมแล้ว นโยบายที่สนับสนุนการลงทุนของรัฐบาลเวียดนามยังเอื้อให้ทั้งผู้พัฒนาและนักลงทุนสามารถเข้ามาสร้างโอกาสในพื้นที่จังหวัดนี้ได้ จังหวัดนินห์ถ่วนจึงกลายเป็นทำเลที่น่าจับตามองสำหรับการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนในประเทศเวียดนาม โดยปัจจุบันกว่า 80% ของพลังงานหมุนเวียนภายในประเทศมีแหล่งการผลิตมาจากจังหวัดดังกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น