ธนาคารทิสโก้ (TISCO) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน มีกำไรสุทธิ 1,333 ล้านบาท ลดลง 465 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 1,798 ล้านบาท ทั้งนี้ จากผลกระทบของการระบาดโควิด-19 ต่อภาวะหยุดชะงักของเศรษฐกิจภายในประเทศ ธุรกิจของธนาคารก็ได้รับผลกระทบจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลง โดยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักปรับตัวลดลงจากการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทั้งธุรกิจนายหน้าประกันภัย และค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งเป็นไปตามการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ลดลง ขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการคำนวณตามมาตรฐานบัญชี TFRS9 และระดับสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้นในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงตามการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีในภาวะดอกเบี้ยขาลง โดยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) เพิ่มขึ้นจาก 4.2% มาอยู่ที่ 4.3% หลังการลดลงของการนำส่งเงินสมทบกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงิน
ด้านเงินให้สินเชื่อของธนาคาร ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 มีจำนวน 228,165.17 ล้านบาท ลดลง 9,707.85 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.1% จากไตรมาสแรกของปี เป็นมาจากการหดตัวของสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและย่อมในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์นั้น ธนาคารมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ 3.28% เพิ่มขึ้นจาก 2.56% ในไตรมาสแรก ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นมาจากลูกหนี้ในกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อจำนำทะเบียนรถโดยเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้
สำหรับกำไรสุทธิครึ่งแรกของปี 2563 มีจำนวน 2,819 ล้านบาท ลดลง 708 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 3,527 ล้านบาท
