นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดภายหลังการประชุมทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ว่า เป็นการหารือทุกภาคส่วน ทั้งรัฐและเอกชน เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือและฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังเกิดการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยข้อเสนอที่น่าสนใจ คือ การตั้งศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังสถานการณ์โควิด-19 โดยนายกรัฐมนตรีรับข้อเสนอและเตรียมพิจารณาเรื่องข้อกฎหมายว่าจะพิจารณาอย่างไรต่อไปบ้าง พร้อมตั้งทีมรวบรวมข้อมูลเพื่อติดตามปัญหาอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการดูแลเอสเอ็มอี ซึ่งกำลังพิจารณาถึงการขยายเวลาการชำระหนี้ ที่จากเดิมจะสิ้นสุดในเดือนตุลาคมนี้และการเพิ่มสภาพคล่องผ่านกองทุนต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินงบประมาณจาก พ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท เบื้องต้นอาจให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามาช่วยค้ำประกัน ตามมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) เนื่องจากมาตรการเดิมธนาคารแห่งประเทศไทย ปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ย ไม่เกิน 2% ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี แต่หากธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ปล่อยสินเชื่อดังกล่าวต่อ ก็จะให้ บสย.เข้ามาช่วยค้ำประกันในปีถัด ๆ ไป เพื่อให้ธนาคารมีความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวมีแนวคิดที่จะหามาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในวันธรรมดา และการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง รวมถึงมาตรการชิม ช้อป ใช้ เพื่อช่วยเหลือภาคประชาชน ตลอดจนการทำแพลตฟอร์มของโรงแรมภายในประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและโรงแรมต่างๆ และช่วยให้โรงแรมที่ไม่ถูกกฎหมายให้สามารถเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือของรัฐได้มากขึ้น
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ข้อเสนอต่างๆ จะมีการหารือรายละเอียดกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจต่อไป โดยเรื่องแรกที่คาดว่าจะต้องพิจารณา คือการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และการประชุมต่อไปจะเป็นการช่วยเหลือเรื่องการท่องเที่ยว
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังเป็นห่วงบัณฑิตจบใหม่ที่ปีนี้มีถึง 5 แสนคน และคาดว่าจะมีผู้ตกงานหลายแสนคน จึงต้องหามาตรการรองรับและดูแลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี