CCP มองอุตฯ คอนกรีตครึ่งปีหลัง 63 แนวโน้มดี สานต่องานโครงการภาครัฐ เมกะโปรเจกต์เอกชนงานนิคมฯ ออกผลิตภัณฑ์ใหม่คอนกรีตสำเร็จรูปสเปกพิเศษ พัฒนาร่วมกับลูกค้ารองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน ชูกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุน เพิ่มความสามารถการทำกำไร ตุนแบ็กล็อก 1,800 ล้านบาท มั่นใจทั้งปีรายได้เติบโตตามเป้า 10%
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า ความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มดี ปัจจัยสนับสนุนจากงานโครงการลงทุนเมกะโปรเจกต์ โครงสร้างพื้นฐานในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ทยอยดำเนินงานก่อสร้าง และโครงการของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต่างๆ ที่มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง เช่น งานถนน งานภาคเอกชน เช่น นิคมอุตสาหกรรม
ขณะที่ แผนการดำเนินธุรกิจของ CCP ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุน เพิ่มความสามารถในการทำกำไร และพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปร่วมกับลูกค้า เพื่อรองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน เมกะโปรเจกต์ งานกรมทางหลวง และเดินหน้าติดตามโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งขยายฐานลูกค้ากลุ่มสถาปนิก ผู้รับเหมารายย่อย โครงการขนาดกลาง-เล็ก ที่มีความต้องการใช้งานคอนกรีตสำเร็จรูปเพื่องานก่อสร้าง Land Scape เพิ่มยอดขายสินค้าคอนกรีตสำเร็จรูป กลุ่มบล็อกกำแพง บล็อกกันหน้าดิน บล็อกปูพื้น ที่ช่วยแก้ปัญหางานก่อสร้าง ขาดแคลนแรงงาน ลดต้นทุน ทำให้งานเสร็จรวดเร็ว
ส่วนงานเอกชน มุ่งเน้นเข้ารับงานนิคมอุตสาหกรรมที่ทยอยดำเนินงานก่อสร้างต่อเนื่อง ขณะที่ภาพรวมการเติบโตของกลุ่มผู้ประกอบการรับเหมา และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวค่อนข้างน้อย
สำหรับธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mix) หลังจากที่ได้ปรับโมเดลธุรกิจ ส่งผลให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ ยอดขายปรับตัวดีขึ้นและความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น ดังที่เห็นจากผลการดำเนินการช่วง 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมา
ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 1,800 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน แบ่งเป็นการรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 60% ซึ่งบริษัทจะทยอยประมูลงานเข้ามาเพิ่ม
อีกทั้งในอนาคต เพื่อรักษาระดับไว้ไม่ต่ำกว่า 1,800-2,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้น Backlog ที่มีคุณภาพ คัดเลือกกลุ่มลูกค้าและโครงการที่มีกำลังซื้อเพื่อเพิ่มอัตรากำไร ขณะที่การเติบโตปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ประมาณ 2,600 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจากงานภาครัฐ 80% และภาคเอกชน 20%