แมกโนเลียฯ เผยตั้ง 2 ศูนย์วิจัยอสังหาฯ “ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน RISC และศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา ฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ” หวังนำผลวิจัยพัฒนาโปรดักต์ใช้ในทุกโครงการใหม่ รับเทรนด์แห่งอนาคต ภายใต้แนวคิด 'For All Well-Being' พร้อมเดินหน้า 24 โครงการ มูลค่ากว่า 300,000 ล้านบาท จ่อเปิดขาย 'เดอะ ฟอเรสเทียส์ ' มูลค่า 125,000 ล้านบาท จุดพลุทำเลบางนา
นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า บริษัทยังเน้นความสำคัญงานวิจัยพฤติกรรมความต้องการและการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัย ทิศทางของการอยู่อาศัยในสภาวะต่างๆ ในระยะยาว ถือเป็น DNA ของทุกโครงการในเครือ MQDC โดยจะนำผลวิจัยมาต่อยอดสร้างโครงการ โดยมี "หัวใจ" หลักคือ ผู้อยู่อาศัยในโครงการและชุมชนเพื่อนบ้านในพื้นที่โดยรอบจะต้องมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตามแนวทาง 'For All Well-Being' จึงได้จัดตั้ง 2 ศูนย์วิจัยอสังหาริมทรัพย์ไทย คือ ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ซึ่งทำงานวิจัยเกี่ยวกับสุขภาวะที่ดีเพื่อตอบโจทย์ For All Well-Being และศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา ฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ ซึ่งทำงานวิจัยเกี่ยวกับเทรนด์อนาคต เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต เพื่อนำมาต่อยอดในการพัฒนาโครงการใหม่
นอกจากนี้ ยังการันตีคุณภาพโครงการของเราทุกโครงการโดยการรับประกันการดูแลโครงการของเราเป็นเวลา 30 ปี ใน 4 เรื่องด้วยกันให้แก่ลูกค้า คือ งานโครงสร้าง งานระบบน้ำ-ไฟ การใช้งานของประตูหน้าต่าง และการรั่วซึมของหลังคา MQDC ยังเน้นการร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก เพื่อมาร่วมพัฒนาโครงการหลายราย เช่น โครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์ (THE FORESTIAS)’ ที่มีแบรนด์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านที่พักระยะสั้นและระยะยาวระดับโลกมาเป็นพันธมิตร อย่าง ซิกส์เซนส์ (Six Senses) ที่จะมีทั้งที่อยู่อาศัยและโรงแรม F&P (Thailand) เป็นที่ปรึกษาและร่วมออกแบบโครงการ ITEC Entertainment มาออกแบบไลฟ์สไตล์ด้านสันทนาการและประสบการณ์เพื่อผู้อยู่อาศัย และพันธมิตรกับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี คือ Huawei ที่จะร่วมพัฒนา Smart city จาก Digital platform ของ Huawei โดยจะเริ่มจากโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์
ปัจจุบัน โครงการอสังหาฯ ที่ MQDC อยู่ระหว่างการพัฒนาแบบ ขาย ก่อสร้าง และอยู่ในช่วงการโอน มีจำนวนทั้งสิ้น 24 โครงการ มูลค่ารวมมากกว่า 300,000 ล้านบาท โดยมีโครงการระดับซูเปอร์ลักชัวรีที่ร่วมทุน ได้แก่ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟรอนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม, เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ มีลูกค้าโอนไปแล้วเกือบ 100% และกว่า 60% ตามลำดับ มูลค่าโครงการรวม 2 โครงการกว่า 20,000 ล้านบาท และมียอดโอนรวมกันกว่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นความไว้วางใจจากผู้บริโภค รวมทั้งยังได้แมนดาริน โอเรียนเต็ล มาเป็นผู้ให้บริการแก่เจ้าของห้อง
นอกจากนี้ ยังมีโครงการอื่นๆ ของบริษัท เช่น วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว, วิสซ์ดอม คอนเนค สุขุมวิท, วิสซ์ดอม เอสเซ้นส์ สุขุมวิท และมีโครงการที่ยังเดินหน้าก่อสร้างพร้อมเปิดขายแล้วจำนวน 3 โครงการ ได้แก่ เดอะ ฟอเรสเทียส์, เดอะ สแตรนด์, มัลเบอร์รี่ โกรฟ สุขุมวิท รวมทั้ง มีโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มอีก 3-5 โครงการ โดยทางบริษัทมองว่าวิกฤตโควิด-19 เป็นโอกาสที่จะได้เสนอการอยู่อาศัยที่ดีในแบบ For All Well-Being เพื่อสุขภาพกายใจที่ดีตามวิถีชีวิตใหม่หลังโควิด-19 ได้ผ่านพ้นไป