xs
xsm
sm
md
lg

เผย 9 แบงก์รัฐร่วมเยียวยาลูกค้าโควิด-19 รวมกว่า 3.7 ล้านล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ฉัตรชัย ศิริไล" เผยครึ่งปีแรก แบงก์รัฐทั้ง 9 แห่ง ช่วยลูกค้าประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้แล้วถึง 11.16 ล้านราย รวมเป็นวงเงินสินเชื่อรวมกว่า 3.7 ล้านล้านบาท โดยประเภทสินเชื่อที่มีจำนวนผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือมากที่สุดคือ สินเชื่อเกษตร 5.7 ล้านราย วงเงินรวมกว่า 1.3 ล้านล้านบาท ขณะที่การพักหนี้ถือเป็นมาตรการที่ลูกค้าได้รับความช่วยเหลือมากที่สุด จำนวน 7.2 ล้านราย รวมวงเงิน 3 ล้านล้านบาท

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ กล่าวถึงข้อมูลครึ่งปีแรกของการดำเนินมาตรการเพื่อให้ช่วยลดผลกระทบแก่เศรษฐกิจ รวมถึงรายได้และความสามารถในการชำระหนี้จากลูกค้า ประชาชน จากสถาบันการเงินของรัฐทั้ง 9 แห่ง หลังเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ว่า เมื่อถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 พบว่า มีจำนวนของลูกค้าที่ได้รับความช่วยเหลือแล้วถึง 11.16 ล้านราย วงเงินสินเชื่อรวม 3,789,698 ล้านบาท

โดยประเภทของสินเชื่อที่ได้รับความช่วยเหลือมากที่สุดคือ สินเชื่อเกษตร จำนวน 5.7 ล้านราย วงเงินสินเชื่อ 1,313,285 ล้านบาท ขณะที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อบุคคล ช่วยเหลือลูกค้าได้ จำนวน 4.6 ล้านราย วงเงินสินเชื่อ 1,704,210 ล้านบาท และสินเชื่อประเภทวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เช่น ท่องเที่ยว ค้าส่ง/ค้าปลีก และอุตสาหกรรม จำนวน 175,342 ราย วงเงินสินเชื่อ 723,044 ล้านบาท

ด้านรูปแบบของมาตรการความช่วยเหลือที่สถาบันการเงินของรัฐจัดทำให้แก่ลูกค้าถือว่ามีความหลากหลายเพื่อให้เหมาะสมกับระดับความเดือดร้อนของลูกค้าประชาชนหรือผู้ประกอบการ โดยลูกหนี้ส่วนใหญ่ได้เข้ามาตรการพักชำระหนี้จำนวนถึง 7.2 ล้านราย วงเงินสินเชื่อ 3,012,952 ล้านบาท หรือเลือกเข้ามาตรการอื่นๆ ที่เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของลูกค้าเอง เช่น การขยายระยะเวลาการชำระหนี้เพื่อลดจำนวนเงินงวด การปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังให้ความช่วยเหลือให้สินเชื่อเพิ่มเติมทั้งลูกหนี้เดิมและลูกหนี้ใหม่ในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน จำนวน 3 ล้านราย วงเงินสินเชื่อรวม 183,554 ล้านบาท แก่ประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งสามารถลดผลกระทบให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม การจัดทำมาตรการเพื่อช่วยเหลือดังกล่าวนั้น จะเป็นไปตามนโยบายของนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. โดยสถาบันการเงินของรัฐทั้ง 9 แห่งที่ได้เร่งจัดทำมาตรการทางด้านการเงินเพื่อเยียวยาช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างเร่งด่วนตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจะประกอบไปด้วย 1.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) 2.ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 3.ธนาคารออมสิน 4.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 5.ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) 6.ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) 7.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) 8.บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) และ 9.บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)

นายฉัตรชัย ยังกล่าวย้ำถึงแนวทางการดำเนินงานของสถาบันการเงินของรัฐเพื่อช่วยเหลือลูกค้าในช่วงครึ่งปีหลังว่า จะยังคงให้ความสำคัญต่อการติดตามดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิด แม้ปัจจุบันจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศไทยจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่างๆ ลงเพื่อให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในประเทศกลับมาฟื้นตัว แต่สถานการณ์ในอนาคตยังคงมีความไม่แน่นอน เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อในหลายประเทศยังคงสูงขึ้น ขณะที่ภาคธุรกิจและประชาชนบางส่วนยังไม่สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจหรือประกอบอาชีพได้ตามปกติ โดยสถาบันการเงินของรัฐพร้อมให้ความร่วมมือกับ ธปท. ในการจัดทำมาตรการเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ สามารถค้นหารายละเอียดของมาตรการได้ที่ www.เราไม่ทิ้งกัน-ด้านการเงิน.com ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อรวบรวมและเป็นช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลมาตรการด้านการเงินของสถาบันการเงินของรัฐทุกแห่งในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้าประชาชนและกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ตรงความต้องการของลูกค้า ประชาชน และผู้ประกอบการ


กำลังโหลดความคิดเห็น