xs
xsm
sm
md
lg

รองนายกฯ ย้ำนโยบาย "ออมสิน" เป็นเสาหลักให้คนตัวเล็ก แนะอัดฉีดงบแสนล้านกระตุ้นท่องเที่ยว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รองนายกฯ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" มอบนโยบายธนาคารออมสิน เป็นที่พึ่งให้ผู้ประกอบการขนาดเล็ก หลังได้รับผลกระทบเสียหายหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เผยครึ่งปีแรกเศรษฐกิจหยุดชะงัก กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่มีความเดือดร้อนมาก แนะมาตรการช่วยเหลือเพื่อไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลนเงิน (Credit crunch)

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชม พร้อมทั้งมอบนโยบายให้แก่ธนาคารออมสินว่าต้องการให้ธนาคารออมสินเป็นเสาหลักในการสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็ก โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศไทยต้องเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้การดำเนินธุรกิจในภาคส่วนต่างๆ ต้องชะงักงัน กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง และผู้ประกอบการในภาคธุรกิจขนาดย่อมได้รับผลกระทบรุนแรง โดยธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีสายป่านยาวยังสามารถพยุงกิจการต่อไปได้เพราะมีธนาคารพาณิชย์ให้ความช่วยเหลือและดูแลได้ แต่ในส่วนของธุรกิจรายเล็ก เช่น พ่อค้าแม่ค้า หรือหาบเร่แผงลอยต่างๆ ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ เนื่องจากไม่มีที่พึ่งพิง หรือสินทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ในการค้ำประกัน ทำให้หลายรายต้องเข้าสู่การเป็นหนี้นอกระบบ

"สิ่งที่หารือร่วมกันคือ ธนาคารออมสินต้องเตรียมขยายการพักชำระหนี้ และการเตรียมสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างธุรกิจที่เกี่ยวกับภาคการท่องเที่ยวและบริการที่มีความเดือดร้อนหนัก เพื่อไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลนเงิน (Credit crunch) ขณะที่บรรดาพอร์ตสินเชื่อของธนาคารออมสินมีรัฐบาลค้ำประกันกว่า 30% ซึ่งต่อไปจะต้องเพิ่มสัดส่วนลูกค้าในส่วนของกลุ่มคนตัวเล็ก และกลุ่มเอสเอ็มอี หรือสตาร์ทอัปเข้าไปอีก เพื่อให้เป็นธนาคารรัฐแห่งแรกที่กระโดดเข้ามาดูแลและช่วยเหลือด้านสินเชื่อให้แก่คนตัวเล็กอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นธนาคารที่รับฝากเงินเพียงอย่างเดียว โดยจะเตรียมทุกอย่างไว้เพื่อการเดินหน้าต่อ ไม่ใช่การถอยหลัง" นายสมคิด กล่าว

ขณะเดียวกัน ในส่วนของทิศทางการดำเนินงานในอนาคต มองว่าจากการที่ธนาคารออมสิน มีความได้เปรียบด้านปริมาณลูกค้ารายเล็กจำนวนมากในหลายๆ ธุรกิจ ไม่ใช่แค่พ่อค้าแม่ค้าเท่านั้น นอกจากนี้ ก็เป็นกลุ่มลูกค้าประเภทอื่นๆ ซึ่งหลังจากมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตใหม่ในแบบ NEW NORMAL จะมีผู้ประกอบการรายใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก ในลักษณะอีคอมเมิร์ซ และเอสเอ็มอีโดยผู้ประกอบการเหล่านั้นจะทำธุรกิจผ่านทางเทคโนโลยีออนไลน์มากขึ้น

"ธนาคารออมสินจะต้องกลับไปถามตัวเองว่า จะเป็นธนาคารที่ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการใหม่ๆ เหล่านี้ได้อย่างไร การปรับโครงสร้างของธนาคารก็จะต้องพัฒนาสูตรการช่วยเหลือสตาร์ทอัปรายใหม่ที่จะเกิดขึ้นได้อย่างไรบ้าง เช่น นักศึกษาที่เพิ่งจบแล้วยังไม่มีงานทำ แต่มีทักษะพิเศษ สามารถประกอบอาชีพอะไรใหม่ หรือแม่บ้านที่ต้องการทำอาหารขาย ก็สามารถมาปรึกษาธนาคารออมสินได้ โดยออมสินต้องพร้อมให้ความช่วยเหลือ และมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สนับสนุนกลุ่มคนเหล่านี้ร่วมกัน"


ด้าน นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ทางกระทรวงการคลังได้มอบนโยบายให้ธนาคารออมสินได้เตรียมวงเงินเพิ่มเติมกว่า 20,000 ล้านบาท เพื่อกันส่วนไว้สำหรับสินเชื่อเพื่อช่วยลูกค้ารายย่อย หรือลูกค้าตัวเล็กต่างๆ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยวและบริการ เพราะเป็นธุรกิจที่ก่อให้เกิดการจ้างงานสูงมาก โดยจากเดิมมีการปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในวงเงิน 10,000 ล้านบาท เพราะที่ผ่านมาปล่อยไปเกือบหมดแล้ว และมีลูกค้าได้รับอนุมัติกว่า 1 ล้านราย รวมถึงได้ตั้งวงเงินไว้อีก 100,000 ล้านบาท ในการใช้เป็นแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) เพื่อเป็นสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ ช่วยลดภาระให้แก่ผู้ประกอบการ เพิ่มสภาพคล่อง และพยายามช่วยให้สามารถจ้างงานต่อไปได้ ซึ่งมาตรการนี้คาดว่าจะสามารถออกมาได้ในเร็วๆ นี้

"ขอให้ธนาคารออมสินเป็นกำลังสำคัญในการช่วยสร้างผู้ประกอบการใหม่ และขอให้ออมสินขยายงานในการปรับโครงสร้างเพื่อให้มีหน่วยงานกลางดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ทั้งการให้ทุนควบคู่ไปกับการสร้างงาน ขนานสอดคล้องไปด้วยกัน ไม่ใช่การให้ทุนไปแต่ไม่ได้มีการต่อยอดเพิ่มเติม เช่น ให้ไป 1 บาทก็เท่ากับ 1 บาท ไม่ได้แล้ว จะต้องต่อยอดให้ออกเป็น 2-4 บาทต่อไปให้ได้ โดยได้ให้ออมสินจัดทัพใหม่ เน้นไปที่ผู้ประกอบใหม่ เพราะโควิด-19 จะทำให้เกิดธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก"
นายอุตตม กล่าว

ขณะที่ นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการตัวเล็ก จะใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับสินเชื่อฉุกเฉิน แต่ได้มีการปรับเงื่อนไขจากเดิมเป็นรายละไม่เกิน 3-5 หมื่นบาท โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ในอัตราดอกเบี้ย 0.35% ต่อเดือน ซึ่งผู้เข้าโครงการจะต้องมาลงทะเบียนใช้สิทธิ เพราะเป็นการเปิดรอบใหม่ โดยจะมีการนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบในสัปดาห์หน้า รวมถึงมีมาตรการซอฟต์โลนในวงเงิน 1 แสนล้านบาท ที่จะเน้นปล่อยให้แก่ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เข้าไม่ถึงแหล่งทุนอื่นเป็นหลัก

"ธุรกิจขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ เช่นธุรกิจการบิน ซึ่งมีการยื่นขอสินเชื่อ ซึ่งได้มีการพิจารณาโดยวงเงินที่จะปล่อยให้นั้นไม่เกินรายละ 50 ล้านบาท โดยมีการกำหนดเงื่อนไขชัดเจน และแตกต่างจากซอฟต์โลนก้อน 5 แสนล้านบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เช่น ต้องเป็นลูกค้ารายใหม่ ส่วนสินเชื่อรายย่อย เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเงื่อนไขและรายละเอียดต่างๆ ซึ่งเป็นแผนระยะกลางที่ธนาคารออมาสินจะดำเนินการภายใน 6 เดือน ซึ่งเบื้องต้นมีเป้าหมายจะช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยสินเชื่อนอกระบบที่อยู่ในอัตรา 24-28% ต่อปี ให้ลดลงเหลือ 10% ต่อปี หากสามารถทำได้ ซึ่งจะพิจารณาเงื่อนไขรายละเอียดความเหมาะสมต่อไป"



กำลังโหลดความคิดเห็น